เสด็จพระราชดำเนินไปประทับต่างประเทศ

เสด็จพระราชดำเนินไปประทับต่างประเทศ

เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๖ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นำพระธิดาพระโอรสทั้งสองพระองค์ไปประทับที่เมืองโลซาน (Lausanne) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) เพื่อรักษาพระพลานามัยของพระโอรสพระองค์ใหญ่และเพื่อให้ทั้ง ๓ พระองค์ได้ทรงศึกษาด้วย ระยะแรกประทับที่แฟลตเลขที่ ๑๖ ถนนติสโซท์(Tissot) และทรงจัดให้พระธิดาและพระโอรสเข้าทรงศึกษาระดับประถมในโรงเรียนเมียร์มองต์ (Miremont)

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๗ รัฐบาลไทยได้อัญเชิญพระวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ สมเด็จพระบรมราชชนนีได้ทรงจัดหาที่ประทับใหม่ให้สมพระเกียรติทรงย้ายไปประทับที่บ้านขนาดใหญ่ที่เมืองปุยยี (Pully) ติดกับเมืองโลซาน ซึ่งพระราชทานชื่อว่า “วิลล่าวัฒนา” (Villa Vadhana) ต่อมาสมเด็จพระเชษฐภคินีและสมเด็จพระอนุชาทรงได้รับสถาปนาพระอิสริยยศจากพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขึ้นเป็นเจ้าฟ้า คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาและสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ส่วนสมเด็จพระบรมราชชนนีขณะนั้นทรงได้รับสถาปนาพระอิสริยยศเป็นพระราชชนนีศรีสังวาลย์ และเนื่องจากขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงพระเยาว์จึงต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พุทธศักราช ๒๔๘๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชา ได้โดยเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัตประเทศไทยครั้งแรก พร้อมด้วยพระราชชนนีศรีสังวาลย์และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน

พุทธศักราช ๒๔๘๑ ประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต การเสด็จนิวัตพระนครครั้งนี้คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้ประกาศสถาปนาพระอิสริยยศพระราชชนนีศรีสังวาลย์เป็น “สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์” ระหว่างที่ประทับอยู่ในพระนครเป็นเวลาประมาณ ๒ เดือน พระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของทุกพระองค์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ และสมเด็จพระอนุชาได้ผูกพันจิตใจ สร้างขวัญและความหวังไว้แก่ชาวไทยอย่างมั่นคง ครั้นถึงเดือนมกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๑ (นับเป็นปลายปี) จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประเทศ สวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงศึกษาต่อ

วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลนิวัตประเทศไทยเป็นครั้งที่ ๒ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘ ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ ทรงได้รับพระราชทานพระยศร้อยโทนายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ ๑ กองพันที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะประทับในประเทศไทยได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในพระนครและจังหวัดใกล้เคียงเสมอ ต่อมา เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตลงอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ รัฐบาลได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ แต่โดยที่ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ จึงต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราว และได้มีประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ ว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ขณะนั้นทรงเจริญพระชนมพรรษา ๑๘ พรรษา

เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเจริญพระชนมพรรษา ๒๐ พรรษาบริบูรณ์ ในโอกาสที่ทรงบรรลุนิติภาวะแล้วนี้ ทางรัฐบาลไทยโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัติ(๑)เสด็จไปยังเมืองโลซานเพื่อเข้าฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จนิวัตพระนครเพื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แต่ทรงขอให้งดพระราชพิธีไว้ก่อนจนกว่าจะทรงสำเร็จการศึกษา



๑ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๔