ทศวรรษที่7
ทศวรรษที่๑
(พ.ศ.๒๔๗๐ - ๒๔๗๙)
ทศวรรษที่ ๒
(พ.ศ.๒๔๘๐ - ๒๔๘๙)
ทศวรรษที่ ๓
(พ.ศ.๒๔๙๐ - ๒๔๙๙)
ทศวรรษที่ ๔
(พ.ศ.๒๕๐๐ - ๒๕๐๙)
ทศวรรษที่ ๕
(พ.ศ.๒๕๑๐ - ๒๕๑๙)
ทศวรรษที่ ๖
(พ.ศ.๒๕๒๐ - ๒๕๒๙)
ทศวรรษที่ ๗
(พ.ศ.๒๕๓๐ - ๒๕๓๙)
ทศวรรษที่ ๘
(พ.ศ.๒๕๔๐ - ๒๕๕๐)
แต่ทฤษฎีที่คิดนั้นคิดว่าที่ไดโนเสาร์ตาย เพราะมันกินต้นไม้จนหมด จนทำให้สภาพแวดล้อมเป็นพิษ
ไม่มีออกซิเจนและไม่มีอาหาร ไดโนเสาร์จึง "อัดใจตายและสูญพันธุ์" สภาพแวดล้อมเป็นพิษเช่นนี้
เป็นภัยต่อมนุษยชาติ มนุษยชาตินี้คือเมือง เมืองไดโนเสาร์คือกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่
จึงเป็นไดโนเสาร์ตัวใหญ่ที่ต่อไปจะอยู่ไม่ได้ ส่วนเมืองเล็กเช่นสกลนครนี้ ยังเป็นไดโนเสาร์ตัวเล็ก หรือจิ้งจก
ซึ่งจะอยู่ได้ต่อไปหากทำการแก้ไขทัน...
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๓๒
"...พูดถึงประชาชนอย่างนี้ ไม่ได้พูดว่าประชาชน
ไทยหรือลาว เพราะว่าถ้าประที่ไหนก็ตาม ประเทศไหน
ก็ตาม มีความอยู่เย็นเป็นสุข สันติสุข หรือความสงบก็จะเกิด
ขึ้นไม่เจาะจงว่าประเทศไทยหรือประเทศลาว..."
แล้วใส่ในแก้ม ตกลง "โครงการแก้มลิง" นี้มีที่เกิด เมื่อเรา
อายุ ๕ ขวบ ก็นี่เป็นเวลา ๖๓ ปีมาแล้ว ลิงสมัยโน้นลิง
โบราณเขาก็มีแก้มลิงแล้ว เขาเคี้ยว แล้วเอาเข้าไปเก็บใน
แก้ม น้ำท่วมลงมา ถ้าไม่ทำ "โครงการแก้มลิง" น้ำท่วมนี้จะ
เปรอะไปหมด อย่างนี้เปรอะไปทั่วภาคกลางจะต้องทำ
"แก้มลิง" เพื่อที่จะเอาน้ำนี้ไปเก็บไว้..."
เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘
เกี่ยวกับโครงการแก้มลิง ที่นำมาใช้แก้ไขปัญหาน้ำท่วม
ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
พุทธศักราช ๒๕๓๑
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน เสด็จฯ ไปบ้านนานกเค้า จังหวัดสกลนคร
ดูข้อมูลเกี่ยวข้องพุทธศักราช ๒๕๓๑
วันที่ ๗ ตุลาคม เสด็จฯ ไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนา พิกุลทองฯ
พุทธศักราช ๒๕๓๕
เสด็จฯ ไปยังศูนย์ศึกษาการ พัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่
พุทธศักราช ๒๕๓๖
วันที่ ๒๕ มกราคม เสด็จฯ ไปยังแปลงทฤษฎีใหม่ วัดมงคลชัยพัฒนา จังหวัดสระบุรี
พุทธศักราช ๒๕๓๙
วันที่ ๖ กันยายน เสด็จฯ ไปยัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี
ข้อมูลจาก หนังสือ ประมวลภาพการทรงงาน "๘๐ พรรษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์"
จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ