ทรงพระผนวช
ทรงพระผนวช
ในการทรงพระผนวชดังกล่าวนั้น ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจในช่วงเวลา ๑๕ วันที่ยังดำรงสมณเพศอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นที่พอพระราชหฤทัย ดังนั้นเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” นับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ หลังจากทรงประกอบพิธีเฉลิมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ซึ่งปรับปรุงแล้วเสร็จ ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานเป็นที่ประทับถาวร
ทรงพระผนวชเพื่อเข้าถึงแก่นแท้แห่งธรรม
“...โดยที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของเรา ทั้งตามความศรัทธาเชื่อมั่นของข้าพเจ้าเอง ก็เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง เนื่องในบรรดาสัจจธรรมคำสั่งสอนอันชอบด้วยเหตุผล จึ่งเคยคิดอยู่ว่าถ้าโอกาสอำนวยข้าพเจ้าควรจักได้บวชสักเวลาหนึ่งตามราชประเพณี ซึ่งจักเป็นทางสนองพระเดชพระคุณพระราชบูรพการีตามคตินิยมด้วย...”
๑พระนามเดิม ม.ร.ว. ชื่น นพวงศ์ ณ กรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประกาศเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราชเจ้าให้เต็มพระเกียรติยศตามราชประเพณี เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประกาศสถาปนาพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์” เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙