ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ส-เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ๒"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าใหม่: <div id="bg_g1t"> </div> <div id="bg_g1"> <h3>ธำรงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (พุทธศ...) |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 15:10, 5 ตุลาคม 2552
ธำรงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (พุทธศักราช ๒๕๑๑ - ๒๕๔๐)
ในห้วงเวลานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านการต่างประเทศ ในฐานะที่ทรงเป็นพระประมุขด้วยการต้อนรับผู้มาเยือนและธำรงความสัมพันธ์ระหว่างกันตามธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูตอาทิ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มจากประเทศต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระราชสาส์นหรืออักษรสาส์นตราตั้งในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เอกอัครราชทูตของประเทศต่างๆ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อบังคมทูลลาในโอกาสที่พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ พร้อมกันนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มจากประเทศไทยเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อกราบบังคมทูลลาก่อนไปรับหน้าที่ และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พระประมุข ประมุข และหัวหน้ารัฐบาลจากประเทศต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินหรือเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ในวาระโอกาสสำคัญที่ต้องแสดงความยินดี แสดงความห่วงใยช่วยเหลือ หรือมีความรู้สึกร่วมกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นในประเทศใด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศ์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในงานนั้น หรือพระราชทานพระราชสาส์นหรือข้อความพระราชโทรเลขไปยังพระประมุขหรือประมุขของประเทศนั้นๆ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สายสัมพันธ์จึงได้รับการธำรงไว้อย่างต่อเนื่องเนิ่นนาน
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่ปฏิบัติราชการในต่างประเทศอยู่เสมอ โดยทรงเน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของงานด้านการต่างประเทศอันเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงภาพลักษณ์และสร้างความเข้าใจอันดีของประเทศไทยให้เกิดขึ้นในสายตาของนานาประเทศดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งที่ว่า
“...ท่านเป็นผู้แทนของประเทศไทยในต่างประเทศที่ปีที่แล้วได้เห็นชัดว่ามีความสำคัญเท่าไร ที่จะให้มีผู้แทนของประเทศในประเทศต่างๆ เพื่อที่จะให้ชาวต่างชาติเข้าใจถึงความเป็นอยู่ของประเทศไทยโดยเฉพาะท่านที่เป็นข้าราชการฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทย ซึ่งเท่ากับเป็นผู้ที่มีความรู้ของประเทศได้อยู่ ณ ต่าง ประเทศ เพื่ออธิบายว่าคนไทยเป็นอย่างไร และท่านก็ได้อธิบายอย่างดี เพราะว่าถ้าไม่มีใครอธิบายถึงความเป็นอยู่ของประเทศไทยชาวต่างประเทศมักจะเข้าใจผิดและตั้งใจเข้าใจผิด เพราะว่า ไม่เข้าใจ ที่จริงเข้าใจ ชาวต่างประเทศไม่ได้โง่ แต่ว่าเขาทำโง่ คนไทยถ้าโง่ไปตามเขาเมืองไทยก็แย่...”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่คณะเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยที่ปฏิบัติราชการอยู่ในต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันที่ ๒๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐