ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การใช้พลังงานธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้า"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าใหม่: <div id="bg_g1t"> </div> <div id="bg_g1"> __NOTOC__ 400px|center <center><h3>การใช...) |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:46, 1 ตุลาคม 2552
การใช้พลังงานธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้า
“...พูดถึงไฟฟ้าและพลังงาน ไฟฟ้าและพลังงานนี่การไฟฟ้าต้องใช้พลังงาน เพราะว่า สำหรับปั่นไฟฟ้าต้องใช้พลังงาน เพื่อให้มีพลังงานไฟฟ้า อันนี้ก็ทำมานานแล้ว เวลาขาดแคลนเชื้อเพลิง ก็บอกว่าให้ปิดโทรทัศน์ ให้ปิดไฟ แล้วบอกได้ผลดี ความจริงเปิดโทรทัศน์ ไม่เป็นไร ถ้าน้ำมันเชื้อเพลิงหมดแล้ว ก็ยังใช้เชื้อเพลิงอย่างอื่นได้ มีแต่ต้องขยัน ต้องหาวิธีที่จะทำให้เชื้อเพลิงเกิดขึ้นมาใหม่...”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มทดลองการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ มาทดแทนการใช้ฟอสซิล ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๑ โดยทรงเริ่มโครงการผลิตแก๊สชีวภาพภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา โดยกรมอนามัยและคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สามารถผลิตแก๊สจากมูลโคสำหรับเป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในโรงโคนม นอกจากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างโรงกลั่นแอลกอฮอล์ ในพุทธศักราช ๒๕๒๙ เพื่อเป็นโครงการค้นคว้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชดำริ โดยผลิตแอลกอฮอล์ ๙๕ เปอร์เซ็นต์หรือเอทานอล จากอ้อยและกากน้ำตาล รวมทั้งทรงนำเอทานอลมาผ่านกระบวนการแยกน้ำ ทำให้ได้เอทานอล ๙๙.๕ เปอร์เซ็นต์ มาทดลองผสมกับน้ำมันเบนซินธรรมดาในอัตรา ๑ : ๙ จนเกิดเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล อันเป็นเชื้อเพลิงชนิดใหม่สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มขนาดเล็กที่สหกรณ์นิคมอ่าวลึก จำกัด จังหวัดกระบี่ และที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส จากการทดสอบพบว่า น้ำมันปาล์มกลั่นบริสุทธิ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ สามารถใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลได้ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์นำผลงานดังกล่าวไปจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของพระองค์
พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใหม่ได้เอง หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างสนองตามแนวพระราชดำริ ทั้งการทำวิจัยและส่งเสริมการปลูกพืชน้ำมัน เช่น ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว สบู่ดำ ฯลฯ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล พลังงานของชาติต่อไป
ทั้งพลังงานน้ำ พลังงานชีวภาพ และพลังงานทดแทนล้วนแล้วแต่เป็นแนวพระราชดำริที่ช่วยลดปริมาณการซื้อกระแสไฟฟ้า ซึ่งเท่ากับช่วยลดภาวะการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตกระแสไฟฟ้า ส่งผลให้มลพิษที่เกิดจาก การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลลดลงได้อีกทางหนึ่ง ตลอดจนไม่ก่อให้เกิดมลพิษแก่สิ่งแวดล้อม