ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์"

(สร้างหน้าใหม่: <div id="bg_g3t"> </div> <div id="bg_g3"> <center><h1>พระราชกรณียกิจด้านสังคมสงเคราะห์</...)
 
(ไม่แตกต่าง)

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:14, 11 พฤศจิกายน 2551

 

พระราชกรณียกิจด้านสังคมสงเคราะห์

ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินท้องถิ่นธุรกันดาร


พุทธศักราช ๒๕๐๕ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์

เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสิ่งของ ที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย
ณ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ปรสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์วาตภัยและอุทกภัยขึ้นที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราชทำให้ต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก
ในเหตุการณ์ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือทันที โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถานีวิทยุ อ.ส พระราชวังดุสิตประกาศให้ประชาชนทราบข่าว และเชิญชวนบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม ปรากฏว่ามีผู้ร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ประมาณ ๑๑ ล้านบาท พระองค์ได้พระราชทานเงินทั้งหมดให้กรมประชาสงเคราะห์ นำไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป ปรากฏว่าหลังการให้ความช่วยเหลือ ยังคงมีเงินเหลืออยู่อีกประมาณ ๓ ล้านบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หมายถึง มูลนิธิที่พระมหากษัตริย์และประชาชนร่วมกันจัดตั้งขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยโดยฉับพลันทั่วประเทศ ในลักษณะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าเกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต
๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๖ เริ่มกิจการ "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์" เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนจากเหตุสาธารณภัยต่างๆ อย่างทันท่วงที ตลอดจนสงเคราะห์เรื่องทุนการศึกษา อุปกรณ์การศึกษา และโรงเรียน
พุทธศักราช ๒๕๐๖ ทรงจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และพระราชทานสิ่งของแก่ผู้ประสบภัย
"ให้ไปให้ความอบอุ่น ไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยฉับพลัน ทำให้ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือ มีกำลังใจที่จะปฏิบัติงานต่อไป"
"การช่วยผู้ที่ประสบภัยนั้นจะต้องช่วยในระยะสั้น หมายความว่า เป็นเวลาที่ฉุกเฉินต้องช่วยโดยเร็ว และต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเนื่อง...ส่วนเรื่องการช่วยเหลือระยะยาวก็มีความจำเป็นเหมือนกัน...เป็นผลว่าเขาได้รับการดูแล เหลียวแลมาจนกระทั่งได้รับการศึกษาที่สามารถทำมาหากินได้โดยสุจริต โดยมีประสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ..." พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
พระราชทานพระราชดำรัสให้จัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และเสด็จฯ ไปพระราชทานสิ่งของแก่เด็กนักเรียน
ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้สร้างโรงเรียนประชาบาล ที่ถูกพายุแฮเรียตพัดพัง รวม ๑๒ โรงเรียนใน ๒ จังหวัดภาคใต้ และพระราชทานชื่อว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ถึง ๑๒ ตามลำดับ" และได้พระราชทานโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ให้แก่ผู้ประสบภัยอีกหลายแห่งในระยะต่อมา รวมจำนวน ๓๙ แห่ง

"... ผู้ที่ประสบภัยโดยเฉพาะเด็กๆ ได้สูญเสียทั้งโรงเรียน ทั้งผู้อุปการะฉะนั้นได้ตั้งนโยบายที่จะช่วยเหลือเด็ก ที่เป็นกำพร้าจากภัยธรรมชาติเหล่านั้น เลยตั้งโรงเรียนและได้อุปการะเด็กให้มีที่เรียน และมีผู้ปกครองคือมูลนิธิ ให้สามารถที่จะเรียนตั้งแต่ชั้นเล็กๆ จนกระทั่งจบโรงเรียนมัธยม มีบางรายก็ได้สนับสนุนจะกระทั่งถึงขั้นอุดมศึกษาและเลยไปก็ได้..." พระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา




ข้อมูลจาก หนังสือ ๘๐ พรรษา ปวงประชาสุขศานต์ จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ