ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปริญญาฯ-มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) () |
||
แถว 10: | แถว 10: | ||
<div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">ระเบียบข้อ ๑๑.๒ ของมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ เกี่ยวกับปริญญา ได้บัญญัติไว้ส่วนหนึ่งว่า</div> | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">ระเบียบข้อ ๑๑.๒ ของมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ เกี่ยวกับปริญญา ได้บัญญัติไว้ส่วนหนึ่งว่า</div> | ||
− | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">สภามหาวิทยาลัยสามารถจะยกย่องให้เกียรติบุคคลใดก็ตาม | + | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">สภามหาวิทยาลัยสามารถจะยกย่องให้เกียรติบุคคลใดก็ตาม ที่สภาเห็นว่าประกอบคุณงามความดีและ อุทิศตนอย่างเด่นชัดเพื่อประโยชน์ของชุมชนหรือมหาวิทยาลัย หรือด้านวิชาการ โดยการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแก่บุคคลผู้นั้น</div> |
− | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">ในการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาครั้งนี้ | + | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">ในการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาครั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยกริฟฟิธตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันโดดเด่นเพื่อ[[การพัฒนา]]ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระวิริยอุตสาหะในการยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชาวไทยโดยทรงดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายหลายโครงการ</div> |
− | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">ตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี | + | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">ตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี แห่งรัชสมัยที่ทรงประกอบ[[พระราชกรณียกิจ]]มากมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งมั่นแน่วแน่ในการพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรืองและพัฒนาภูมิปัญญาของราษฎร ระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ท้าทายอย่างใหญ่หลวง แต่นับว่าประเทศไทยโชคดีเป็นอย่างมากที่มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงอุทิศพระองค์ ทรงพระปรีชาสามารถ และทรงตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็น หลักประกันความอยู่รอดของประชาชนชาวไทย ในฐานะชาติที่มีความเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว</div> |
+ | |||
+ | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ในฐานะดังกล่าวทรงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามสิทธิในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ ๓ ประการ ได้แก่ สิทธิที่จะพระราชทานคำแนะนำ สิทธิที่จะพระราชทานคำปรึกษา และสิทธิที่จะทรงสนับสนุนและพระราชทานกำลังใจ ในการทางใช้สิทธิทั้ง ๓ ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริ อันนำไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยอย่างชาญฉลาด ความเป็นรัฐบุรุษของพระองค์ได้ทำให้ความรุนแรงของสถานการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นหลายครั้งบรรเทาลง และนำความสงบสุขมาสู่กลุ่มที่ขัดแย้งกัน</div> | ||
− | |||
=== === | === === | ||
<div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมหัวเมืองเป็นครั้งแรก อันได้แก่จังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของประเทศ นับเป็นครั้งแรกของการเสด็จพระราชดำเนินไปทางเยือน ซึ่งต่อมาได้ทรงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและเสด็จพระราชดำเนินไปทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อทรงรับฟังปัญหาของเหล่าพสกนิกร และทรงพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อให้สามาถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฟังประชาชน และตั้งพระราชหฤทัยทรงงานเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือแก่พสกนิกรเหล่านั้น ปัจจุบันนี้ถือเป็นพระราชกิจประจำว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และพระบรมวงศานุวงศ์จะทรงใช้เวลานับวัน นับสัปดาห์ หรือแม้แต่นับเดือน นอกเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อทรงเยี่ยมเยียนทุกภูมิภาคของประเทศ</div> | <div style="text-indent: 30px; padding-top:15px">เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมหัวเมืองเป็นครั้งแรก อันได้แก่จังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของประเทศ นับเป็นครั้งแรกของการเสด็จพระราชดำเนินไปทางเยือน ซึ่งต่อมาได้ทรงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและเสด็จพระราชดำเนินไปทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อทรงรับฟังปัญหาของเหล่าพสกนิกร และทรงพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อให้สามาถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฟังประชาชน และตั้งพระราชหฤทัยทรงงานเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือแก่พสกนิกรเหล่านั้น ปัจจุบันนี้ถือเป็นพระราชกิจประจำว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และพระบรมวงศานุวงศ์จะทรงใช้เวลานับวัน นับสัปดาห์ หรือแม้แต่นับเดือน นอกเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อทรงเยี่ยมเยียนทุกภูมิภาคของประเทศ</div> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:12, 29 กุมภาพันธ์ 2551
คำประกาศสดุดีพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยกริฟฟิธ เครือรัฐออสเตรเลีย
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ณ พระตำหนักจิตรลาดรโหฐาน พระราชวังดุสิต
วันพฤหัสบดี ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๑
สภามหาวิทยาลัยกริฟฟิธมีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย ด้วยตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณอันโดดเด่นในฐานะพระประมุขของประเทศไทย
ระเบียบข้อ ๑๑.๒ ของมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ เกี่ยวกับปริญญา ได้บัญญัติไว้ส่วนหนึ่งว่า
สภามหาวิทยาลัยสามารถจะยกย่องให้เกียรติบุคคลใดก็ตาม ที่สภาเห็นว่าประกอบคุณงามความดีและ อุทิศตนอย่างเด่นชัดเพื่อประโยชน์ของชุมชนหรือมหาวิทยาลัย หรือด้านวิชาการ โดยการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยแก่บุคคลผู้นั้น
ในการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาครั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยกริฟฟิธตระหนักในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันโดดเด่นเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระวิริยอุตสาหะในการยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชาวไทยโดยทรงดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายหลายโครงการ
ตลอดระยะเวลา ๕๐ ปี แห่งรัชสมัยที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจมากมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมุ่งมั่นแน่วแน่ในการพัฒนาประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรืองและพัฒนาภูมิปัญญาของราษฎร ระยะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ท้าทายอย่างใหญ่หลวง แต่นับว่าประเทศไทยโชคดีเป็นอย่างมากที่มีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงอุทิศพระองค์ ทรงพระปรีชาสามารถ และทรงตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ความเป็นผู้นำที่ชาญฉลาดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็น หลักประกันความอยู่รอดของประชาชนชาวไทย ในฐานะชาติที่มีความเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ในฐานะดังกล่าวทรงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามสิทธิในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ ๓ ประการ ได้แก่ สิทธิที่จะพระราชทานคำแนะนำ สิทธิที่จะพระราชทานคำปรึกษา และสิทธิที่จะทรงสนับสนุนและพระราชทานกำลังใจ ในการทางใช้สิทธิทั้ง ๓ ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริ อันนำไปสู่การพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยอย่างชาญฉลาด ความเป็นรัฐบุรุษของพระองค์ได้ทำให้ความรุนแรงของสถานการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นหลายครั้งบรรเทาลง และนำความสงบสุขมาสู่กลุ่มที่ขัดแย้งกัน
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมหัวเมืองเป็นครั้งแรก อันได้แก่จังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดของประเทศ นับเป็นครั้งแรกของการเสด็จพระราชดำเนินไปทางเยือน ซึ่งต่อมาได้ทรงปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและเสด็จพระราชดำเนินไปทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อทรงรับฟังปัญหาของเหล่าพสกนิกร และทรงพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อให้สามาถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฟังประชาชน และตั้งพระราชหฤทัยทรงงานเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือแก่พสกนิกรเหล่านั้น ปัจจุบันนี้ถือเป็นพระราชกิจประจำว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และพระบรมวงศานุวงศ์จะทรงใช้เวลานับวัน นับสัปดาห์ หรือแม้แต่นับเดือน นอกเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อทรงเยี่ยมเยียนทุกภูมิภาคของประเทศ
โครงการต่างๆ ประมาณ ๒,๖๐๐ โครงการ ที่ได้รับการวางแผนงานเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงสภาพชีวิตของประชาชน จึงได้เริ่มดำเนินการด้วยการเอาพระราชหฤทัยใส่และการพระราชทานคำแนะนำ ทรงวางแบบอย่างสำหรับประชาชนชาวไทยว่า การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วจะต้องควบคู่ไปกับการปรับปรุงมาตรฐานการดำรงชีวิตสำหรับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุทิศพระองค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษา นับตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๒ เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้ง “มูลนิธิอานันทมหิดล” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์แห่งสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช รัชการที่ ๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานความช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์แก่บัณฑิตที่มีผลการศึกษายอดเยี่ยม ให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศในสาขาวิชาอันเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ อีกทั้งยังพระราชทานรางวัลและ ทุนการศึกษามากมายจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้ที่สมควรได้รับรางวัล ในการพระราชทานความช่วยเหลือแก่เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและด้อยโอกาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างโรงเรียน และพระราชทานโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กเหล่านี้ ก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสถาบันอุดมศึกษา ของเครือรัฐออสเตรเลีย การที่ทรงยึดมั่นอย่างแน่นแฟ้นในการสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาในประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายที่มหาวิทยาลัยกริฟฟิธมีส่วนร่วม และให้ความสำคัญอย่างที่สุด
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ณ พระตำหนักจิตรลาดรโหฐาน พระราชวังดุสิต
วันพฤหัสบดี ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๑
หน้าแรกประมวลคำสดุดีพระเกียรติคุณฯ | บัญชีปริญญาดุษฎีบัณฑิตฯ | บัญชีตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ฯ | บัญชีรางวัลฯ | พระราชกรณียกิจ |