ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พุทธมามกะ"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าใหม่: <div id="bg_g8"> <center><h1>พระทรงเป็นดั่งศูนย์รวมใจเพื่อความสมานฉันท์...) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 6 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 1: | แถว 1: | ||
<div id="bg_g8"> | <div id="bg_g8"> | ||
− | <center><h1> | + | |
+ | <center><h1>พุทธมามกะ: ข้าแห่งพระพุทธศาสนา</h1></center> | ||
+ | |||
+ | [[ภาพ:051009-ศาสนาพุทธ-03.jpg|center]] | ||
<div class="kindent">ด้วยพุทธมามกะ หมายถึง ผู้ประกาศตนว่าขอถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ หรือผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดให้พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก | <div class="kindent">ด้วยพุทธมามกะ หมายถึง ผู้ประกาศตนว่าขอถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ หรือผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้กำหนดให้พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก | ||
แถว 28: | แถว 31: | ||
'''ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน''' | '''ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน''' | ||
− | เรื่องที่สำคัญที่สุดในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้พ้นภัยและทำนุบำรุงให้เข้มแข็ง คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นหลักชัยในการอุปถัมภ์เผยแพร่ศีลธรรม | + | เรื่องที่สำคัญที่สุดในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้พ้นภัยและทำนุบำรุงให้เข้มแข็ง คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นหลักชัยในการอุปถัมภ์เผยแพร่ศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงอุปถัมภ์[[การสังคายนาพระไตรปิฎก]] ด้วยเป็นเครื่องมือประกาศถึงความเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงทางพุทธศาสนาของไทยที่สำคัญยิ่ง |
+ | |||
+ | '''พุทธศาสนา: ประโยชน์เพื่อการศึกษา''' | ||
+ | |||
+ | ในการสร้างจิตสำนึกในเรื่องพุทธศาสนา จำเป็นยิ่งที่ต้องได้รับการส่งเสริมตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อปลูกต้นไม้แห่งธรรมให้สามารถหยั่งรากลึกลงในใจของผู้คนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ราชบัณฑิตยสถานจัดพิมพ์หนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก เพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงหลักธรรมของพระพุทธศาสนา แจกจ่ายในงานพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาเป็นประจำทุกปี และ | ||
+ | ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนและกำพร้าอนาถาขึ้นในวัด และอาราธนาพระสงฆ์มาเป็นครูอบรมศีลธรรมแก่เด็กและช่วยสอนวิชาสามัญที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย ด้วยการ | ||
+ | พระราชทานทุนทรัพย์สร้างอาคารเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ จังหวัดสมุทรปราการ โรงเรียนวัดสันติการามและโรงเรียนวัดป่าไก่ จังหวัดราชบุรี และโรงเรียนนันทบุรีวิทยา จังหวัดน่าน เป็นต้น | ||
+ | |||
+ | '''ทรงทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระอารามหลวง และวัด''' | ||
+ | |||
+ | พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระอารามหลวง และวัด ด้วยทรงมีความศรัทธาเป็นที่ตั้ง และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ถวายวัดต่างๆ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ทั้งเพื่อการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะในวัดอย่างมิทรงย่อท้อ รวมถึงการพระราชทานวิสุงคามสีมาแก่วัดที่ประชาชนในแต่ละท้องที่ได้ร่วมกันสร้างขึ้นและได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ตั้งเป็นวัด | ||
+ | ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๑ (พุทธศักราช ๒๔๕๖) และตั้งแต่ช่วงพุทธศักราช ๒๔๙๑ - ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมยกฐานะวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวงจำนวน ๗๙ แห่ง | ||
+ | |||
+ | หนึ่งในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ เพื่อประกาศความเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลกคือ พระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อการสร้าง "พุทธมณฑล" ขึ้นบนเนื้อที่ ๒,๕๐๐ ไร่ | ||
+ | ที่ตำบลศาลายา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบรัฐพิธีก่อฤกษ์ ณ ตำแหน่งฐานพระพุทธรูป พระประธานพุทธมณฑล เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘ เพื่อเป็น | ||
+ | ศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าด้านพระพุทธศาสนา เป็นพุทธบูชาและเป็นพุทธานุสรณียสถาน ในโอกาสที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาจนครบ ๒,๕๐๐ ปี ในพุทธศักราช ๒๕๐๐ และจากการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ ที่ประชุมได้มีมติให้พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนาโลก | ||
</div> | </div> | ||
+ | |||
+ | {{ดูเพิ่มเติม|[[การสังคายนาพระไตรปิฎก]]}} | ||
+ | |||
+ | |||
[[หมวดหมู่:ในฐานะพระมหากษัตริย์]] | [[หมวดหมู่:ในฐานะพระมหากษัตริย์]] | ||
</div> | </div> |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 17:45, 5 ตุลาคม 2552
พุทธมามกะ: ข้าแห่งพระพุทธศาสนา
ตลอดเวลากว่า ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดำรงพระองค์เป็นพุทธมามกะอย่างเคร่งครัด ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และให้การเกื้อกูลแก่นานาศาสนาที่ประชาชนชาวไทยนับถือและศรัทธามาโดยตลอด
การบำเพ็ญพระราชกุศลทางศาสนาในฐานะพุทธมามกะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่สำคัญอย่างถึงพร้อมด้วยพระราชฐานะของพุทธมามกะหลายประการ อาทิ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ ได้แก่ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ทั้งพระกฐินหลวง พระกฐิน หลวงพระราชทาน พระกฐินต้น ซึ่งทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกปี ด้วยมีพระราชประสงค์จะทรงอนุเคราะห์พระภิกษุให้ได้รับประโยชน์ในทางพระวินัย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รื้อฟื้นพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราทาง ชลมารคขึ้นใหม่ เพื่อเป็นการดำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่ถือปฏิบัติมาแต่โบราณ
ทรงอุปถัมภ์คณะสงฆ์ให้มั่นคง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้การอุปถัมภ์คณะสงฆ์ด้วยการส่งเสริมและเอาพระราชหฤทัยใส่พระภิกษุผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ไม่ว่าจะเป็นการสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช การสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะรวมถึงการพระราชทานสมณศักดิ์และพัดยศตามระเบียบแบบแผน และประเพณีในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นบำเหน็จความชอบแก่พระสงฆ์ที่ได้ประกอบคุณความดีเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา หรือการพระราชทาน พระบรมราชานุเคราะห์การอุปสมบทนาคหลวงเพื่อเพิ่มจำนวนพระภิกษุ อันให้เป็นกำลังค้ำจุนรากฐานแห่งพระพุทธศาสนาให้มั่นคงเข้มแข็ง
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักในพระราชหฤทัยดีว่า พระพุทธศาสนาจะแข็งแกร่งและก้าวไกลได้ ก็ต่อเมื่อมีการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้าให้ขจรขจายออกไปสู่ทุกดินแดน ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงส่งเสริมและอุปถัมภ์การศึกษาพระปริยัติธรรม การตั้งเปรียญ โดยทรงอุปถัมภ์มหาวิทยาลัยสงฆ์ คือ สภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้จัดการศึกษาถึงระดับปริญญาศาสนศาสตรบัณฑิต และมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรม ราชูปถัมภ์ จัดการศึกษาถึงระดับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต รวมถึงได้มีการตราพระราชบัญญัติ กำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนา พุทธศักราช ๒๕๒๗ บัญญัติให้ผู้สำเร็จวิชาการพระพุทธศาสนาเปรียญธรรมเก้าประโยค (ป.ธ.๙) ศาสนศาสตรบัณฑิตและพุทธศาสตรบัณฑิตมีวิทยฐานะเทียบเท่าชั้นปริญญาตรี
ทรงส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน
เรื่องที่สำคัญที่สุดในการคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้พ้นภัยและทำนุบำรุงให้เข้มแข็ง คือ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นหลักชัยในการอุปถัมภ์เผยแพร่ศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงอุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎก ด้วยเป็นเครื่องมือประกาศถึงความเป็นศูนย์กลางของความมั่นคงทางพุทธศาสนาของไทยที่สำคัญยิ่ง
พุทธศาสนา: ประโยชน์เพื่อการศึกษา
ในการสร้างจิตสำนึกในเรื่องพุทธศาสนา จำเป็นยิ่งที่ต้องได้รับการส่งเสริมตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อปลูกต้นไม้แห่งธรรมให้สามารถหยั่งรากลึกลงในใจของผู้คนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ราชบัณฑิตยสถานจัดพิมพ์หนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก เพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงหลักธรรมของพระพุทธศาสนา แจกจ่ายในงานพระราชพิธี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาเป็นประจำทุกปี และ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนและกำพร้าอนาถาขึ้นในวัด และอาราธนาพระสงฆ์มาเป็นครูอบรมศีลธรรมแก่เด็กและช่วยสอนวิชาสามัญที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย ด้วยการ พระราชทานทุนทรัพย์สร้างอาคารเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ จังหวัดสมุทรปราการ โรงเรียนวัดสันติการามและโรงเรียนวัดป่าไก่ จังหวัดราชบุรี และโรงเรียนนันทบุรีวิทยา จังหวัดน่าน เป็นต้น
ทรงทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระอารามหลวง และวัด
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงทำนุบำรุงและปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ พระอารามหลวง และวัด ด้วยทรงมีความศรัทธาเป็นที่ตั้ง และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ถวายวัดต่างๆ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ทั้งเพื่อการทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะในวัดอย่างมิทรงย่อท้อ รวมถึงการพระราชทานวิสุงคามสีมาแก่วัดที่ประชาชนในแต่ละท้องที่ได้ร่วมกันสร้างขึ้นและได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ตั้งเป็นวัด ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๑ (พุทธศักราช ๒๔๕๖) และตั้งแต่ช่วงพุทธศักราช ๒๔๙๑ - ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมยกฐานะวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวงจำนวน ๗๙ แห่ง
หนึ่งในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ เพื่อประกาศความเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลกคือ พระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อการสร้าง "พุทธมณฑล" ขึ้นบนเนื้อที่ ๒,๕๐๐ ไร่ ที่ตำบลศาลายา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบรัฐพิธีก่อฤกษ์ ณ ตำแหน่งฐานพระพุทธรูป พระประธานพุทธมณฑล เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๘ เพื่อเป็น ศูนย์กลางการศึกษาค้นคว้าด้านพระพุทธศาสนา เป็นพุทธบูชาและเป็นพุทธานุสรณียสถาน ในโอกาสที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาจนครบ ๒,๕๐๐ ปี ในพุทธศักราช ๒๕๐๐ และจากการประชุมชาวพุทธนานาชาติ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ ที่ประชุมได้มีมติให้พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนาโลก
ดูเพิ่มเติม | การสังคายนาพระไตรปิฎก |
---|