ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ส-เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าใหม่: ในหนังสือสารานุกรมหน้า 142 หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 10 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 1: | แถว 1: | ||
− | + | <div id="bg_g1t"> </div> | |
+ | <div id="bg_g1"> | ||
+ | [[ภาพ:290909-เยี่ยมราษฎร-02.jpg|300px|center]] | ||
+ | <center><h1>พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร</h1></center> | ||
+ | <div class="kindent">ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์ ๖๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระวิริยอุตสาหะ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกพื้นที่ที่ทุรกันดาร ทุกพื้นที่ที่ห่างไกล แม้ที่นั้นจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งแม้แต่ประชาชนคนธรรมดายังไม่เคยได้ยินชื่อและไม่คิดที่จะเดินทางไป หากแต่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินไทยนี้ กลับเสด็จพระราชดำเนินไปหาราษฎรในหมู่บ้านที่เล็กที่สุด เนื่องเพราะประชาชนที่นั่นได้รับความเดือดร้อน ความช่วยเหลือที่พระองค์ได้พระราชทานล้วนแล้วแต่ตรงตามความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ เพราะพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประสบด้วยพระองค์เอง ทรงสังเกตการณ์และทรงรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิอันเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์ของเหล่าพสกนิกรทั้งหลาย จนมีคำกล่าวที่ว่า '''“ไม่มีที่แห่งใดในประเทศไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยย่างพระบาทไปถึง”''' ทั้งนี้เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชนชาวไทยทุกคน | ||
+ | </div> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''๑. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรสมดังพระราชปณิธาน''' | ||
+ | <div class="kindent">การเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นช่วงเวลาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่พสกนิกรชาวไทยได้รับความบอบช้ำทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสภาพจิตใจ พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงประชากอปรกับพระราชจริยวัตรที่งดงาม พระองค์จึงทรงเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เป็นหลักยึดมั่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ และเมื่อเสด็จนิวัตเพื่อประทับในประเทศไทยเป็นการถาวรในพุทธศักราช ๒๔๙๔ เป็นต้นมา ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะดำเนินพระราชภารกิจดังพระราชปณิธานที่ว่า '''”เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”''' | ||
+ | |||
+ | การประกอบพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงไว้เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทรงมีประสบการณ์และทรงเล็งเห็นปัญหาของสภาพบ้านเมืองและของพสกนิกรอย่างถ่องแท้ | ||
+ | |||
+ | เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้นำมาซึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องยาวนานมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของวังไกลกังวล รถยนต์พระที่นั่งเกิดตกหล่มที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาช่วยยกรถที่ตกหล่มจำนวนมาก หลังจากนั้น พระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านและทรงพบว่าความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่นี้ คือ ความทุรกันดารของเส้นทาง จนทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ทันเวลา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร หรือแม้แต่นำคนไข้ไปพบแพทย์ได้อย่างทันการ ทั้งที่หมู่บ้านห่างจากอำเภอหัวหินเพียง ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ดำเนินการสร้าง[[การคมนาคม|ถนนห้วยมงคล]]ให้แก่ราษฎร ซึ่งนับเป็นถนนแห่งพระเมตตาสายแรกที่ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้แก่ราษฎรตั้งแต่นั้นมา และนำมาซึ่งโครงการก่อสร้างถนนอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมายหลายสายที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ | ||
+ | </div> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''๒. เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรปัญหาของพสกนิกรทั่วประเทศ''' | ||
+ | [[ภาพ:290909-เยี่ยมราษฎร-04.jpg|250px|left]]พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎรทั่วประเทศก่อน แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลประเทศต่างๆ ทรงอุทิศเวลาส่วนใหญ่ กล่าวคือ ปีละประมาณ ๗ เดือน เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมในหลายภูมิภาค ด้วยพระราชพาหนะต่างๆ เช่น เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เฮลิคอปเตอร์ เรือยนต์ เรือพาย หรือแม้แต่การทรงลาในบางพื้นที่ และบางครั้งทรงขับรถจิ๊ปพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง โดยก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรจะทรงศึกษาสถานการณ์ล่วงหน้าทุกครั้ง ทรงพิจารณาสภาพเส้นทางคมนาคม แหล่งน้ำ พื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ และภูมิประเทศต่างๆ ตลอดจนความยุ่งยากอันเป็นปัญหาที่ราษฎรในพื้นที่ประสบอยู่ทุกครั้ง | ||
+ | <div style="clear:both"></div> | ||
+ | <div class="kindent">ในเดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ ของพื้นที่ภาคกลาง และในเดือนพฤศจิกายนได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนั้นเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่สุดของประเทศ อากาศร้อนจัดและหนาวจัด ถนนหนทางขรุขระทุรกันดาร ราษฎรส่วนใหญ่ยากจนมาก หากความลำบากนั้นก็มิได้ทำให้พระองค์ทรงย่อท้อ แต่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรเป็นล้นพ้น ดังที่ปรากฏในภาพพระราชกรณียกิจที่ตราตรึงและซาบซึ้งอยู่ในดวงใจของราษฎรทั่วประเทศทุกยุคสมัยนั่นก็คือ ภาพที่ทรงน้อมพระองค์พร้อมแย้มพระโอษฐ์รับดอกบัวที่เหี่ยวโรยจากแม่เฒ่าชาวนครพนม วัย ๑๐๒ ปี จากนั้น ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคเหนือ และในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรภาคใต้ ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนต่างประเทศ | ||
+ | |||
+ | ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดต่างๆ มีราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จเรียงรายสองข้างทางอย่างเนืองแน่น บางกลุ่มเดินทางรอนแรมมาจากพื้นที่ห่างไกลด้วยความยากลำบากเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเพียงใดก็ตาม แต่ก็อดทนรอเพื่อจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รถยนต์พระที่นั่งหยุดรับของที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินก้นถุงแก่ราษฎรเหล่านั้นและมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ทำให้ทรงมีโอกาสศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ และการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างลึกซึ้ง หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนต่างประเทศ ทรงนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยเป็นการส่วนพระองค์ คือ [[โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา]] และขยายออกไปยังพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปบ่อยครั้ง เช่น อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรีและราชบุรี เป็นต้น โดยมีพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวลเป็นศูนย์กลาง | ||
+ | </div> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''๓. พระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นฐานการทรงงานและเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรอย่างทั่วถึง''' | ||
+ | <div class="kindent">ที่ประทับระยะแรกๆ ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร เป็นสถานที่ที่หน่วยราชการในพื้นที่จัดถวาย ซึ่งอยู่ในเขตโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือที่ทำการของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ เมื่อมีการสร้างพระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเหล่านั้นในแต่ละภาคตามลำดับตั้งแต่ต้นปี ดังนี้ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส และพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร อนึ่ง บางปีจะเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อจะได้ทรงมีโอกาสเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎรได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น | ||
+ | |||
+ | เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปถึงหมู่บ้านหรือพื้นที่เป้าหมายของแต่ละวัน จะมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้รอบรู้เกี่ยวกับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หากทรงพบปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีพของราษฎร หรือในบางกรณีเมื่อราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาก็จะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพื้นที่ที่มีปัญหาด้วยพระองค์เอง แล้วจึงพระราชทานแนวพระราชดำริแก้ไขปัญหาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาและฝ่ายรักษาความมั่นคงที่โดยเสด็จด้วย สำหรับฎีกาที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย จะทรงรับกลับมาและโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาศึกษาตามแนวพระราชดำริก่อนดำเนินการช่วยเหลือตามความเหมาะสม | ||
+ | |||
+ | ในขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะประกอบด้วยคณะแพทย์หลวงและคณะแพทย์อาสาผู้ชำนาญการหลายสาขาที่โดยเสด็จไปด้วยทุกแห่ง เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินไปหยุดที่ใดคณะแพทย์เหล่านี้จะรักษาราษฎรผู้เจ็บป่วยตามความเหมาะสม สำหรับรายที่มีอาการหนัก จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ | ||
+ | |||
+ | ภาพที่ประชาชนเห็นจนชินตาคือ พระอิริยาบถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับพับเพียบหรือประทับราบลงกับพื้นดินและมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างไม่ถือพระองค์ ในพระหัตถ์ข้างขวามีดินสอและพระหัตถ์ข้างซ้ายมีสมุดจดบันทึกหรือแผนที่ ปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์ทุกครั้งที่แวดล้อมด้วยราษฎร ไม่ว่าราษฎรผู้นั้นจะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในลักษณะใด ความไม่ถือพระองค์ยังเห็นได้จากราษฎรในพื้นที่ห่างไกลเหล่านั้นไม่คุ้นเคยกับการใช้คำราชาศัพท์ก็ไม่ทรงถือเป็นเรื่องใหญ่ | ||
+ | |||
+ | กล่าวกันว่า ช่วงพุทธศักราช ๒๕๑๒ - ๒๕๒๐ ระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนินยาวไกลกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตรและหลังจากนั้นยังเสด็จพระราชดำเนินติดต่อกันอีกเกือบ ๑๐ ปี บ้างจึงว่าไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ ทั้งนี้เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยราษฎร์ แม้จะยังไม่มีการถวายพระราชสมัญญาอย่างเป็นทางการในการเดินทาง แต่อาจกล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เดินทางยาวไกลที่สุดพระองค์หนึ่งของโลก | ||
+ | |||
+ | <span style="color:darkgreen">'''พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าแผ่นดินในสยามประเทศนี้ ไม่มีจังหวัดใด หรืออำเภอใดที่ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนอาณาประชาราษฎร์ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระราชหฤทัยเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกร อันนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติสืบต่อไป'''</span> | ||
+ | </div> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | '''ตาราง ก''' พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมเพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎร | ||
+ | |||
+ | {| width="100%" border="1" | ||
+ | |align = "center"|พระตำหนัก<br>||align = "center"|ที่ตั้ง||align = "center"|สร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช<br>||align = "center"|เนื้อที่<br>โดยประมาณ (ไร่)||align = "center"|หมายเหตุ<br> | ||
+ | |- | ||
+ | |ภูพิงคราชนิเวศน์||ดอยบวกห้า<br>ตำบลสุเทพ<br>อำเภอเมืองเชียงใหม่<br>จังหวัดเชียงใหม่||align = "center"|๒๕๐๔||align = "center"|๔๐๐||สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร<br>เมื่อครั้งทรงสมณศักดิ์เป็นพระศาสนโสภณ ดำริชื่อถวาย<br> | ||
+ | |- | ||
+ | |ทักษิณราชนิเวศน์||เขาตันหยงมัส<br>ตำบลกะลุวอเหนือ<br>อำเภอเมืองนราธิวาส<br>จังหวัดนราธิวาส||align = "center"|๒๕๑๕||align = "center"|๓๐๐||<nowiki>-</nowiki> | ||
+ | |- | ||
+ | |ภูพานราชนิเวศน์||เทือกเขาภูพาน<br>อำเภอเมืองสกลนคร<br>จังหวัดสกลนคร||align = "center"|๒๕๑๘||align = "center"|๙๔๐||ต่อมาได้ขยายเขตพื้นที่เพื่อ<br>จัดทำโครงการฟื้นฟูสภาพป่า<br>คืนชีวิตสู่ธรรมชาติอีกประมาณ<br>๑,๐๑๐ ไร่ รวมเป็นพื้นที่<br>๑,๙๕๐ ไร่<br> | ||
+ | |- | ||
+ | |} | ||
+ | |||
+ | '''ตาราง ข''' ระยะทางการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ | ||
+ | {| width="100%" border="1" align="center" | ||
+ | |align = "center"|ช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ (เดือน/พุทธศักราช)<br>รวม||align = "center"|ระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนิน(กิโลเมตร)<br>๑๓๖,๒๓๗.๒ | ||
+ | |- | ||
+ | |align = "center"|ตุลาคม ๒๕๑๒ - กันยายน ๒๕๑๓<br>ตุลาคม ๒๕๑๓ - กันยายน ๒๕๑๔<br>ตุลาคม ๒๕๑๔ - กันยายน ๒๕๑๕<br>ตุลาคม ๒๕๑๗ - กันยายน ๒๕๑๘<br>ตุลาคม ๒๕๑๙ - กันยายน ๒๕๒๐||align = "center"|๑๕,๔๗๓.๐<br>๒๐,๗๘๗.๗<br>๒๗,๒๒๙.๗<br>๓๐,๘๖๗.๑<br>๔๑,๘๗๙.๗ | ||
+ | |- | ||
+ | |}<br clear="all"> | ||
+ | |||
+ | |||
+ | <center>'''ประมวลพระบรมฉายาลักษณ์ช่วงที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร''' | ||
+ | <gallery> | ||
+ | Image:290909-เยี่ยมราษฎร-01.jpg| | ||
+ | Image:290909-เยี่ยมราษฎร-03.jpg| | ||
+ | Image:290909-เยี่ยมราษฎร-05.jpg| | ||
+ | Image:290909-เยี่ยมราษฎร-06.jpg| | ||
+ | </gallery> | ||
+ | </center> | ||
[[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]] | [[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:51, 29 กันยายน 2552
พระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎร
๑. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรสมดังพระราชปณิธาน
การประกอบพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงไว้เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอและโดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ทำให้ทรงมีประสบการณ์และทรงเล็งเห็นปัญหาของสภาพบ้านเมืองและของพสกนิกรอย่างถ่องแท้
เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้นำมาซึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก และต่อเนื่องยาวนานมาตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีแห่งการครองราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งของวังไกลกังวล รถยนต์พระที่นั่งเกิดตกหล่มที่บ้านห้วยมงคล ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีชาวบ้านมาช่วยยกรถที่ตกหล่มจำนวนมาก หลังจากนั้น พระองค์มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านและทรงพบว่าความทุกข์ยากของราษฎรในพื้นที่นี้ คือ ความทุรกันดารของเส้นทาง จนทำให้ไม่สามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดได้ทันเวลา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร หรือแม้แต่นำคนไข้ไปพบแพทย์ได้อย่างทันการ ทั้งที่หมู่บ้านห่างจากอำเภอหัวหินเพียง ๒๐ กิโลเมตรเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้พระราชทานพระมหากรุณาให้ดำเนินการสร้างถนนห้วยมงคลให้แก่ราษฎร ซึ่งนับเป็นถนนแห่งพระเมตตาสายแรกที่ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้แก่ราษฎรตั้งแต่นั้นมา และนำมาซึ่งโครงการก่อสร้างถนนอันเนื่องมาจากพระราชดำริอีกมากมายหลายสายที่พระราชทานแก่พสกนิกรทั่วประเทศ
๒. เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรปัญหาของพสกนิกรทั่วประเทศ
ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดต่างๆ มีราษฎรมาคอยเฝ้ารับเสด็จเรียงรายสองข้างทางอย่างเนืองแน่น บางกลุ่มเดินทางรอนแรมมาจากพื้นที่ห่างไกลด้วยความยากลำบากเพราะการคมนาคมยังไม่สะดวก แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดเพียงใดก็ตาม แต่ก็อดทนรอเพื่อจะได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีอย่างเปี่ยมล้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รถยนต์พระที่นั่งหยุดรับของที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นระยะๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินก้นถุงแก่ราษฎรเหล่านั้นและมีพระราชปฏิสันถารไต่ถามทุกข์สุขของราษฎร การเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพสกนิกรอย่างใกล้ชิด ทำให้ทรงมีโอกาสศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ บ้านเมือง ความเป็นอยู่ และการดำรงชีพของประชาชน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีได้อย่างลึกซึ้ง หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนต่างประเทศ ทรงนำความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ทรงเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้า และวิจัยเป็นการส่วนพระองค์ คือ โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และขยายออกไปยังพื้นที่ที่เสด็จพระราชดำเนินไปบ่อยครั้ง เช่น อำเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น เพชรบุรีและราชบุรี เป็นต้น โดยมีพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวลเป็นศูนย์กลาง
๓. พระตำหนักประจำภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นฐานการทรงงานและเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรอย่างทั่วถึง
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปถึงหมู่บ้านหรือพื้นที่เป้าหมายของแต่ละวัน จะมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้รอบรู้เกี่ยวกับพื้นที่ในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หากทรงพบปัญหาเกี่ยวกับการดำรงชีพของราษฎร หรือในบางกรณีเมื่อราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาก็จะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรพื้นที่ที่มีปัญหาด้วยพระองค์เอง แล้วจึงพระราชทานแนวพระราชดำริแก้ไขปัญหาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาและฝ่ายรักษาความมั่นคงที่โดยเสด็จด้วย สำหรับฎีกาที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย จะทรงรับกลับมาและโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาศึกษาตามแนวพระราชดำริก่อนดำเนินการช่วยเหลือตามความเหมาะสม
ในขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะประกอบด้วยคณะแพทย์หลวงและคณะแพทย์อาสาผู้ชำนาญการหลายสาขาที่โดยเสด็จไปด้วยทุกแห่ง เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินไปหยุดที่ใดคณะแพทย์เหล่านี้จะรักษาราษฎรผู้เจ็บป่วยตามความเหมาะสม สำหรับรายที่มีอาการหนัก จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
ภาพที่ประชาชนเห็นจนชินตาคือ พระอิริยาบถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับพับเพียบหรือประทับราบลงกับพื้นดินและมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรอย่างไม่ถือพระองค์ ในพระหัตถ์ข้างขวามีดินสอและพระหัตถ์ข้างซ้ายมีสมุดจดบันทึกหรือแผนที่ ปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์ทุกครั้งที่แวดล้อมด้วยราษฎร ไม่ว่าราษฎรผู้นั้นจะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในลักษณะใด ความไม่ถือพระองค์ยังเห็นได้จากราษฎรในพื้นที่ห่างไกลเหล่านั้นไม่คุ้นเคยกับการใช้คำราชาศัพท์ก็ไม่ทรงถือเป็นเรื่องใหญ่
กล่าวกันว่า ช่วงพุทธศักราช ๒๕๑๒ - ๒๕๒๐ ระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนินยาวไกลกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตรและหลังจากนั้นยังเสด็จพระราชดำเนินติดต่อกันอีกเกือบ ๑๐ ปี บ้างจึงว่าไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ ทั้งนี้เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ทวยราษฎร์ แม้จะยังไม่มีการถวายพระราชสมัญญาอย่างเป็นทางการในการเดินทาง แต่อาจกล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เดินทางยาวไกลที่สุดพระองค์หนึ่งของโลก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินอย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าแผ่นดินในสยามประเทศนี้ ไม่มีจังหวัดใด หรืออำเภอใดที่ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนอาณาประชาราษฎร์ ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระราชหฤทัยเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกร อันนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติสืบต่อไป
ตาราง ก พระตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมเพื่อทรงงานและเยี่ยมเยียนราษฎร
พระตำหนัก |
ที่ตั้ง | สร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช |
เนื้อที่ โดยประมาณ (ไร่) |
หมายเหตุ |
ภูพิงคราชนิเวศน์ | ดอยบวกห้า ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ |
๒๕๐๔ | ๔๐๐ | สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งทรงสมณศักดิ์เป็นพระศาสนโสภณ ดำริชื่อถวาย |
ทักษิณราชนิเวศน์ | เขาตันหยงมัส ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส |
๒๕๑๕ | ๓๐๐ | - |
ภูพานราชนิเวศน์ | เทือกเขาภูพาน อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร |
๒๕๑๘ | ๙๔๐ | ต่อมาได้ขยายเขตพื้นที่เพื่อ จัดทำโครงการฟื้นฟูสภาพป่า คืนชีวิตสู่ธรรมชาติอีกประมาณ ๑,๐๑๐ ไร่ รวมเป็นพื้นที่ ๑,๙๕๐ ไร่ |
ตาราง ข ระยะทางการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างๆ
ช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ (เดือน/พุทธศักราช) รวม |
ระยะทางที่เสด็จพระราชดำเนิน(กิโลเมตร) ๑๓๖,๒๓๗.๒ |
ตุลาคม ๒๕๑๒ - กันยายน ๒๕๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๓ - กันยายน ๒๕๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔ - กันยายน ๒๕๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๗ - กันยายน ๒๕๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๙ - กันยายน ๒๕๒๐ |
๑๕,๔๗๓.๐ ๒๐,๗๘๗.๗ ๒๗,๒๒๙.๗ ๓๐,๘๖๗.๑ ๔๑,๘๗๙.๗ |