ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 3 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 1: | แถว 1: | ||
− | < | + | <div id="bg_g2t"> </div> |
+ | <div id="bg_g2"><center><h3>'''คู่มือ | ||
+ | เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำริ | ||
− | + | การบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน'''</h3></center> | |
− | =='''หลักการและเหตุผล'''== | + | |
+ | [[ภาพ:ป่าชายเลน.jpg|ป่าชายเลน|center]] | ||
+ | |||
+ | ==='''หลักการและเหตุผล'''=== | ||
<div class="kindent">น้ำเสียชุมชน เป็นปัญหาหลักประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก น้ำเสียเหล่านี้สามารถแก้ไขและ/หรือปรับปรุงสภาพให้ดีขึ้นด้วยการนำไปทำการบำบัดเพื่อให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียมีอยู่อย่างหลากหลายวิธีการ แต่เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเหล่านี้มักจะต้องใช้การลงทุนที่ค่อนข้างสูง ทั้งในด้านเครื่องจักรและพลังงาน สำหรับเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำรินั้น พระองค์ทรงต้องการให้เป็นเทคโนโลยีที่ง่าย สะดวกและเป็นวิธีการที่อาศัยธรรมชาติให้ช่วยเหลือธรรมชาติด้วยกันเอง โดยอาศัยการเจือจางน้ำเสียด้วยน้ำทะเล การผสมน้ำเร่งการตกตะกอน การกักน้ำเสียที่ผสมกับน้ำทะเล ระบบรากของพืชป่าชายเลนช่วยในการเติมออกซิเจนให้กับน้ำเสีย กรองหรือฟอกน้ำให้สะอาดขึ้น นอกจากนี้พืชป่าชายเลนจะดูดซับอาหารและสิ่งปนเปื้อนที่มีอยู่ในน้ำเสีย ทั้งยังช่วยการทำงานของจุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ อันเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชป่าชายเลนอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลบภัย แหล่งอาหาร แหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำ เป็นการลดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานบำบัดน้ำเสียที่ไม่ต้องลงทุนสูงเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีตามแนวพระราชดำริด้วยการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่อาศัยหลักการ ที่ให้ธรรมชาติช่วยเหลือธรรมชาติ ด้วยการเก็บกักน้ำเสียในแปลงป่าชายเลน และการเจือจางด้วยน้ำทะเลในระยะเวลาที่น้ำทะเลขึ้น อาศัยการปลดปล่อยออกซิเจนของพืชที่ได้จากการสังเคราะห์แสง กระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ของจุลินทรีย์ในดิน การดูดซึมสารอาหารของพืชเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และการกรองสิ่งปนเปื้อนของพืชป่าชายเลนและดินร่วมกัน | <div class="kindent">น้ำเสียชุมชน เป็นปัญหาหลักประการหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมเป็นอย่างมาก น้ำเสียเหล่านี้สามารถแก้ไขและ/หรือปรับปรุงสภาพให้ดีขึ้นด้วยการนำไปทำการบำบัดเพื่อให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น เทคโนโลยีที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสียมีอยู่อย่างหลากหลายวิธีการ แต่เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเหล่านี้มักจะต้องใช้การลงทุนที่ค่อนข้างสูง ทั้งในด้านเครื่องจักรและพลังงาน สำหรับเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำรินั้น พระองค์ทรงต้องการให้เป็นเทคโนโลยีที่ง่าย สะดวกและเป็นวิธีการที่อาศัยธรรมชาติให้ช่วยเหลือธรรมชาติด้วยกันเอง โดยอาศัยการเจือจางน้ำเสียด้วยน้ำทะเล การผสมน้ำเร่งการตกตะกอน การกักน้ำเสียที่ผสมกับน้ำทะเล ระบบรากของพืชป่าชายเลนช่วยในการเติมออกซิเจนให้กับน้ำเสีย กรองหรือฟอกน้ำให้สะอาดขึ้น นอกจากนี้พืชป่าชายเลนจะดูดซับอาหารและสิ่งปนเปื้อนที่มีอยู่ในน้ำเสีย ทั้งยังช่วยการทำงานของจุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ อันเป็นการใช้ประโยชน์จากพืชป่าชายเลนอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลบภัย แหล่งอาหาร แหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำ เป็นการลดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานบำบัดน้ำเสียที่ไม่ต้องลงทุนสูงเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีตามแนวพระราชดำริด้วยการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่อาศัยหลักการ ที่ให้ธรรมชาติช่วยเหลือธรรมชาติ ด้วยการเก็บกักน้ำเสียในแปลงป่าชายเลน และการเจือจางด้วยน้ำทะเลในระยะเวลาที่น้ำทะเลขึ้น อาศัยการปลดปล่อยออกซิเจนของพืชที่ได้จากการสังเคราะห์แสง กระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์ของจุลินทรีย์ในดิน การดูดซึมสารอาหารของพืชเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต และการกรองสิ่งปนเปื้อนของพืชป่าชายเลนและดินร่วมกัน | ||
</div> | </div> | ||
− | =='''วัตถุประสงค์'''== | + | ==='''วัตถุประสงค์'''=== |
<div class="kindent"> | <div class="kindent"> | ||
1) เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลพืชป่าชายเลนให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่มีพื้นที่ใกล้เคียงติดกับป่าชายเลนเสื่อมโทรมหรือถูกทำลายได้นำไปใช้ปฏิบัติได้อย่างแพร่หลาย | 1) เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลพืชป่าชายเลนให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่มีพื้นที่ใกล้เคียงติดกับป่าชายเลนเสื่อมโทรมหรือถูกทำลายได้นำไปใช้ปฏิบัติได้อย่างแพร่หลาย | ||
แถว 19: | แถว 24: | ||
4) เพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงพื้นที่ป่าชายเลนให้มีสภาพที่ดีขึ้น | 4) เพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงพื้นที่ป่าชายเลนให้มีสภาพที่ดีขึ้น | ||
</div> | </div> | ||
− | [[ภาพ:ต้นไม้ป่าชายเลน.jpg|center]] | + | [[ภาพ:ต้นไม้ป่าชายเลน.jpg|ต้นโกงกางและต้นแสม|center]] |
− | =='''ลักษณะเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบระบบแปลงพืชป่าชายเลน'''== | + | ==='''ลักษณะเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบระบบแปลงพืชป่าชายเลน'''=== |
<div class="kindent">รูปแบบเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน ที่ศึกษาวิจัยและพัฒนาขึ้น ยึดหลักการตามแนวพระราชดำริ โดยการทำแปลงเพื่อกักเก็บน้ำทะเลและน้ำเสียที่รวบรวมได้จากชุมชน และปลูกป่าชายเลนด้วยพันธุ์ไม้ 2 ชนิด คือ ต้นโกงกาง และต้นแสม ช่วยในการบำบัดน้ำเสีย อาศัยการเจือจางระหว่างน้ำทะเลกับน้ำเสีย การเร่งตกตะกอนของสารอินทรีย์ในน้ำเสีย ระยะเวลาการกักพักของน้ำ ระบบรากของพืชป่าชายเลนช่วยการปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนให้กับน้ำเสีย และช่วยในการย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยจุลินทรีย์ในดิน เพื่อให้การบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจะมีการกักน้ำทะเลที่เข้าสู่แปลงในช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงสุดในรอบวัน (การขึ้นลง ปกติของน้ำทะเลจะมีการขึ้นลงวันละ 2 ครั้ง) ทำการเก็บกักและเพื่อหาสัดส่วน ปริมาณการให้น้ำเสียในการบำบัด เมื่อเติมน้ำเสียตามสัดส่วนแล้วปล่อยให้น้ำผสมมีการกักพักไว้ระยะเวลาหนึ่ง (ตั้งแต่ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นครั้งแรก จนกระทั่งถึงเวลาน้ำลงครั้งที่สองในรอบวัน) จึงระบายน้ำฝนที่ผ่านการผสม (น้ำที่ผ่านการบำบัด) ออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป | <div class="kindent">รูปแบบเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน ที่ศึกษาวิจัยและพัฒนาขึ้น ยึดหลักการตามแนวพระราชดำริ โดยการทำแปลงเพื่อกักเก็บน้ำทะเลและน้ำเสียที่รวบรวมได้จากชุมชน และปลูกป่าชายเลนด้วยพันธุ์ไม้ 2 ชนิด คือ ต้นโกงกาง และต้นแสม ช่วยในการบำบัดน้ำเสีย อาศัยการเจือจางระหว่างน้ำทะเลกับน้ำเสีย การเร่งตกตะกอนของสารอินทรีย์ในน้ำเสีย ระยะเวลาการกักพักของน้ำ ระบบรากของพืชป่าชายเลนช่วยการปลดปล่อยก๊าซออกซิเจนให้กับน้ำเสีย และช่วยในการย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยจุลินทรีย์ในดิน เพื่อให้การบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจะมีการกักน้ำทะเลที่เข้าสู่แปลงในช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงสุดในรอบวัน (การขึ้นลง ปกติของน้ำทะเลจะมีการขึ้นลงวันละ 2 ครั้ง) ทำการเก็บกักและเพื่อหาสัดส่วน ปริมาณการให้น้ำเสียในการบำบัด เมื่อเติมน้ำเสียตามสัดส่วนแล้วปล่อยให้น้ำผสมมีการกักพักไว้ระยะเวลาหนึ่ง (ตั้งแต่ช่วงเวลาที่น้ำขึ้นครั้งแรก จนกระทั่งถึงเวลาน้ำลงครั้งที่สองในรอบวัน) จึงระบายน้ำฝนที่ผ่านการผสม (น้ำที่ผ่านการบำบัด) ออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติต่อไป | ||
</div> | </div> | ||
− | [[ภาพ:ลักษณะแปลงพืชป่าชายเลน.jpg|center]] | + | [[ภาพ:ลักษณะแปลงพืชป่าชายเลน.jpg|ลักษณะสังเขปรูปแบบเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยด้วยแปลงพืชป่าชายเลน|center]] |
<center>ภาพที่ 1 ลักษณะสังเขปรูปแบบเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยด้วยแปลงพืชป่าชายเลน</center> | <center>ภาพที่ 1 ลักษณะสังเขปรูปแบบเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยด้วยแปลงพืชป่าชายเลน</center> | ||
− | =='''วัสดุอุปกรณ์'''== | + | ==='''วัสดุอุปกรณ์'''=== |
# คันดินขนาดกว้าง 1.5 เมตร | # คันดินขนาดกว้าง 1.5 เมตร | ||
# ระบบประตูระบายน้ำแสตนเลส หรือใช้วัสดุทนความเค็ม | # ระบบประตูระบายน้ำแสตนเลส หรือใช้วัสดุทนความเค็ม | ||
แถว 39: | แถว 44: | ||
− | =='''การเลือกพื้นที่'''== | + | ==='''การเลือกพื้นที่'''=== |
# ควรเป็นพื้นที่ที่ติดชายทะเล หรือใกล้ทะเลมากที่สุด | # ควรเป็นพื้นที่ที่ติดชายทะเล หรือใกล้ทะเลมากที่สุด | ||
# มีน้ำทะเลท่วมถึงในเดือนที่มีน้ำทะเลขึ้น-ลงต่ำสุด | # มีน้ำทะเลท่วมถึงในเดือนที่มีน้ำทะเลขึ้น-ลงต่ำสุด | ||
แถว 46: | แถว 51: | ||
− | =='''การก่อสร้างระบบแปลงพืชป่าชายเลน'''== | + | ==='''การก่อสร้างระบบแปลงพืชป่าชายเลน'''=== |
'''ขั้นที่ 1 การก่อสร้างแปลงกักพักน้ำทะเล-น้ำเสีย''' | '''ขั้นที่ 1 การก่อสร้างแปลงกักพักน้ำทะเล-น้ำเสีย''' | ||
แถว 54: | แถว 59: | ||
</div> | </div> | ||
− | [[ภาพ:ลักษณะของคันดินป่าชายเลน.jpg|center]] | + | [[ภาพ:ลักษณะของคันดินป่าชายเลน.jpg|ลักษณะของคันดิน|center]] |
<center>ภาพที่ 2 ลักษณะภาพตัดของคันดินแปลงระบบบำบัดน้ำเสียด้วยแปลงพืชป่าชายเลน</center> | <center>ภาพที่ 2 ลักษณะภาพตัดของคันดินแปลงระบบบำบัดน้ำเสียด้วยแปลงพืชป่าชายเลน</center> | ||
แถว 65: | แถว 70: | ||
</div> | </div> | ||
− | [[ภาพ:ลักษณะวางท่อระบายน้ำเสีย.jpg|center]] | + | [[ภาพ:ลักษณะวางท่อระบายน้ำเสีย.jpg|การวางท่อระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบ|center]] |
<center>ภาพที่ 3 ลักษณะการวางท่อระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบแปลงพืชป่าชายเลน</center> | <center>ภาพที่ 3 ลักษณะการวางท่อระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบแปลงพืชป่าชายเลน</center> | ||
แถว 96: | แถว 101: | ||
</div> | </div> | ||
− | [[ภาพ:ป่าชายเลนระยะห่างระหว่างแถว.jpg|center]] | + | [[ภาพ:ป่าชายเลนระยะห่างระหว่างแถว.jpg|ระยะห่างระหว่างแถว 1.5 เมตร|center]] |
<center>ภาพที่ 4 ระยะห่างระหว่างแถว และต้น ในการปลูกกล้าไม้ในแปลงพืชป่าชายเลน</center> | <center>ภาพที่ 4 ระยะห่างระหว่างแถว และต้น ในการปลูกกล้าไม้ในแปลงพืชป่าชายเลน</center> | ||
− | [[ภาพ:การปักไม้.jpg|center]] | + | [[ภาพ:การปักไม้.jpg|ปักไม้เพื่อยึดต้นกล้า|center]] |
<center>ภาพที่ 5 การปักไม้เพื่อยึดต้นกล้าภายหลังการปลูก</center> | <center>ภาพที่ 5 การปักไม้เพื่อยึดต้นกล้าภายหลังการปลูก</center> | ||
− | =='''การดำเนินการบำบัดน้ำเสีย'''== | + | ==='''การดำเนินการบำบัดน้ำเสีย'''=== |
<div class="kindent">เทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน มีวิธีการและขั้นตอนการดำเนินการบำบัดน้ำเสีย ดังนี้ | <div class="kindent">เทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน มีวิธีการและขั้นตอนการดำเนินการบำบัดน้ำเสีย ดังนี้ | ||
แถว 130: | แถว 135: | ||
'''ตารางที่ 1''' สัดส่วนน้ำเสียและน้ำทะเลที่เหมาะสมในการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน | '''ตารางที่ 1''' สัดส่วนน้ำเสียและน้ำทะเลที่เหมาะสมในการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน | ||
− | [[ภาพ:สัดส่วนน้ำเสีย.jpg|center]] | + | [[ภาพ:สัดส่วนน้ำเสีย.jpg|ตารางแสดงสัดส่วนน้ำกับน้ำเสียในระบบ|center]] |
− | =='''การบำรุงรักษา'''== | + | ==='''การบำรุงรักษา'''=== |
<div class="kindent">เทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน เป็นกระบวนการที่อาศัยการขึ้น-ลงของน้ำทะเลตามธรรมชาติ การเจือจาง การเร่งการตกตะกอน นอกจากนี้อาศัยพืชช่วยในการดูดสารอาหารจากการย่อยสลายสารอินทรีย์ของจุลินทรีย์ในดิน เพื่อนำไปใช้ในการสร้างความเจริญเติบโตของต้นพืชป่าชายเลน ดังนั้นการดูแลรักษาจึงไม่มีความจำเป็นมากนัก เนื่องจากพืชจะเจริญเติบโตและมีสภาพเป็นป่าชายเลนต่อไป | <div class="kindent">เทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน เป็นกระบวนการที่อาศัยการขึ้น-ลงของน้ำทะเลตามธรรมชาติ การเจือจาง การเร่งการตกตะกอน นอกจากนี้อาศัยพืชช่วยในการดูดสารอาหารจากการย่อยสลายสารอินทรีย์ของจุลินทรีย์ในดิน เพื่อนำไปใช้ในการสร้างความเจริญเติบโตของต้นพืชป่าชายเลน ดังนั้นการดูแลรักษาจึงไม่มีความจำเป็นมากนัก เนื่องจากพืชจะเจริญเติบโตและมีสภาพเป็นป่าชายเลนต่อไป | ||
</div> | </div> | ||
− | =='''ความเหมาะสมในการใช้เทคโนโลยี'''== | + | ==='''ความเหมาะสมในการใช้เทคโนโลยี'''=== |
<div class="kindent">ในการนำเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบพืชป่าชายเลนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับพื้นที่ ที่ติดอยู่กับชายฝั่งทะเล ทั้งนี้การออกแบบและการก่อสร้างจำเป็นต้องมีการลงทุน จึงเหมาะสมสำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะรับไปดำเนินการมากกว่าประชาชนทั่วไป | <div class="kindent">ในการนำเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบพืชป่าชายเลนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับพื้นที่ ที่ติดอยู่กับชายฝั่งทะเล ทั้งนี้การออกแบบและการก่อสร้างจำเป็นต้องมีการลงทุน จึงเหมาะสมสำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบ จะรับไปดำเนินการมากกว่าประชาชนทั่วไป | ||
</div> | </div> | ||
− | =='''ผลประโยชน์ที่ได้รับ'''== | + | ==='''ผลประโยชน์ที่ได้รับ'''=== |
<div class="kindent">1) การบำบัดน้ำเสียที่ใช้วิธีการธรรมชาติ | <div class="kindent">1) การบำบัดน้ำเสียที่ใช้วิธีการธรรมชาติ | ||
แถว 152: | แถว 157: | ||
− | =='''การประยุกต์ใช้'''== | + | ==='''การประยุกต์ใช้'''=== |
<div class="kindent">จากหลัการและกระบวนการของเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชุมชน หรือกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งที่มีพื้นที่ติดอยู่กับป่าชายเลนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการก่อสร้างแปลงพืชป่าชายเลน แต่จะต้องมีบ่อพักน้ำเสียหรือน้ำที่ผ่านการใช้ประโยชน์ไว้ระยะหนึ่งและทำการระบายน้ำเสียเหล่านั้นสู่พื้นที่ป่าชายเลนที่มีอยู่ในขณะที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด ซึ่งจะเป็นการบำบัดน้ำเสียได้ในระดับหนึ่ง | <div class="kindent">จากหลัการและกระบวนการของเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชุมชน หรือกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งที่มีพื้นที่ติดอยู่กับป่าชายเลนได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการก่อสร้างแปลงพืชป่าชายเลน แต่จะต้องมีบ่อพักน้ำเสียหรือน้ำที่ผ่านการใช้ประโยชน์ไว้ระยะหนึ่งและทำการระบายน้ำเสียเหล่านั้นสู่พื้นที่ป่าชายเลนที่มีอยู่ในขณะที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด ซึ่งจะเป็นการบำบัดน้ำเสียได้ในระดับหนึ่ง | ||
</div> | </div> | ||
− | [[ภาพ:การประยุกต์ใช้.jpg|center]] | + | [[ภาพ:การประยุกต์ใช้.jpg|การระบายน้ำเสียจากบ่อพักน้ำเสียสู่ป่าชายเลนในขณะที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด|center]] |
<center>ภาพที่ 6 การประยุกต์ใช้ในการระบายน้ำเสียจากบ่อพักน้ำเสียสู่ป่าชายเลนในขณะที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด</center> | <center>ภาพที่ 6 การประยุกต์ใช้ในการระบายน้ำเสียจากบ่อพักน้ำเสียสู่ป่าชายเลนในขณะที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด</center> | ||
− | =='''ข้อจำกัด'''== | + | ==='''ข้อจำกัด'''=== |
<div class="kindent">1) สามารถใช้ได้กับพื้นที่ที่มีสภาพติดกับพื้นที่ป่าชายเลนเท่านั้น | <div class="kindent">1) สามารถใช้ได้กับพื้นที่ที่มีสภาพติดกับพื้นที่ป่าชายเลนเท่านั้น | ||
แถว 169: | แถว 174: | ||
− | =='''ติดต่อคณะวิจัย'''== | + | ==='''ติดต่อคณะวิจัย'''=== |
โครงการฯ วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์ 0-2561-4754, 0-2942-8727 และ 0-2579-2116 | โครงการฯ วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์ 0-2561-4754, 0-2942-8727 และ 0-2579-2116 | ||
แถว 177: | แถว 182: | ||
ได้ในเวลาราชการ | ได้ในเวลาราชการ | ||
− | [[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]][[หมวดหมู่:การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย]] | + | |
+ | </div> | ||
+ | [[หมวดหมู่:พระราชกรณียกิจ]][[หมวดหมู่:แนวพระราชดำริ]][[หมวดหมู่:การแก้ไขปัญหาน้ำเสีย]][[หมวดหมู่:โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย]] |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:39, 5 ตุลาคม 2552
เนื้อหา
- 1 คู่มือ เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำริ การบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน
- 2 หลักการและเหตุผล
- 3 วัตถุประสงค์
- 4 ลักษณะเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบระบบแปลงพืชป่าชายเลน
- 5 วัสดุอุปกรณ์
- 6 การเลือกพื้นที่
- 7 การก่อสร้างระบบแปลงพืชป่าชายเลน
- 8 การดำเนินการบำบัดน้ำเสีย
- 9 การบำรุงรักษา
- 10 ความเหมาะสมในการใช้เทคโนโลยี
- 11 ผลประโยชน์ที่ได้รับ
- 12 การประยุกต์ใช้
- 13 ข้อจำกัด
- 14 ติดต่อคณะวิจัย
คู่มือ เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียตามแนวพระราชดำริ การบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน
หลักการและเหตุผล
วัตถุประสงค์
1) เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่เทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลพืชป่าชายเลนให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่มีพื้นที่ใกล้เคียงติดกับป่าชายเลนเสื่อมโทรมหรือถูกทำลายได้นำไปใช้ปฏิบัติได้อย่างแพร่หลาย
2) เพื่อพัฒนารูปแบบเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียชุมชนตามแนวพระราชดำริ โดยอาศัยหลักการธรรมชาติช่วยธรรมชาติที่เหมาะสม ให้มีความสะดวกในการนำไปปฏิบัติ ประหยัดค่าใช้จ่าย ง่ายในการนำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ที่ติดทะเล และมีป่าชายเลน
3) เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านน้ำเสียชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลนตามแนวพระราชดำริ
4) เพื่อฟื้นฟูและปรับปรุงพื้นที่ป่าชายเลนให้มีสภาพที่ดีขึ้น
ลักษณะเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบระบบแปลงพืชป่าชายเลน
วัสดุอุปกรณ์
- คันดินขนาดกว้าง 1.5 เมตร
- ระบบประตูระบายน้ำแสตนเลส หรือใช้วัสดุทนความเค็ม
- ท่อระบายน้ำเสีย (HDPE) ขนาด 10 นิ้ว
- วาวล์ปิด-เปิด ต้องมีมาตรวัดปริมาณน้ำ
- ต้นกล้าไม้แสม และไม้โกงกาง
- มาตรวัดระดับน้ำ
การเลือกพื้นที่
- ควรเป็นพื้นที่ที่ติดชายทะเล หรือใกล้ทะเลมากที่สุด
- มีน้ำทะเลท่วมถึงในเดือนที่มีน้ำทะเลขึ้น-ลงต่ำสุด
- ทิศทางการขึ้นลงของน้ำควรเป็นแนวตั้งฉากกับชายฝั่งทะเลมากที่สุด
- เป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมโทรม หรือถูกทำลาย (อาจเป็นบ่อกุ้งที่ไม่ใช้ประโยชน์แล้ว)
การก่อสร้างระบบแปลงพืชป่าชายเลน
ขั้นที่ 1 การก่อสร้างแปลงกักพักน้ำทะเล-น้ำเสีย
2) ก่อสร้างคันดินรอบแปลงที่กำหนดไว้ให้มีลักษณะดังภาพที่ 1 มีความกว้าง 1.5 เมตร ความลาดเทของคันดิน เท่ากับ 1:1 (ภาพที่ 2) ความสูงของคันดินขึ้นอยู่กับความลาดเทของพื้นที่ ซึ่งจะต้องสูงจากระดับเก็บกักน้ำบริเวณท้ายแปลง 50 เซนติเมตร
4) ก่อสร้างและติดตั้งวาวล์ปิด-เปิด ควบคุมระบบการระบายน้ำเสียเข้าสู่ระบบ บริเวณส่วนหัวของแปลง ดังภาพที่ 1
5) วางท่อระบายน้ำเสีย (HDPE) ขนาด 10 นิ้ว ให้อยู่บริเวณกลางแปลง และจากส่วนหัวของแปลงถึงบริเวณกลางแปลง ซึ่งมีลักษณะดังภาพที่ 1 และ 3
ขั้นที่ 2 การเตรียมกล้าไม้และการปลูกพืชป่าชายเลน
การจัดเตรียมกล้าพันธุ์พืชป่าชายเลนที่จะใช้ปลูกในแปลงระบบแปลงพืชป่าชายเลน กระทำได้พร้อมกับการดำเนินการก่อสร้างระบบแปลงฯ แหล่งของกล้าไม้สามารถติดต่อได้ที่ทำการศูนย์เพาะชำกล้าไม้ป่าชายเลน สำนักงานป่าไม้จังหวัดหรือสำนักงานป่าไม้เขตใกล้เคียงพื้นที่ หรือเก็บจากพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณใกล้เคียง ซึ่งในการจัดเตรียมกล้าไม้นั้นสามารถกระทำได้เป็นลำดับดังนี้
1) เตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะชำและอนุบาลท่อนกล้าไม้ ซึ่งอาจกระทำโรงเรือนชั่วคราวบริเวณพื้นที่ก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียด้วยแปลงพืชป่าชายเลน
2) ขนกล้าไม้จากแห่ลที่จัดหามาไว้ยังเรือนเพาะชำ
3) หากเป็นต้นกล้าไม้ที่เก็บมาจากป่าชายเลน ต้องเตรียมถุงเพาะชำขนาด 3 นิ้ว พร้อมทั้งใส่ดิน
4) นำไปปักชำลงในแปลงหรือถุงเพาะชำที่จัดเตรียมไว้
5) ดูแลรักษาจนต้นกล้ามีสภาพดี แข็งแรงและสมบูรณ์ สามารถดำเนินการได้จนกระทั่งนำไปปลูก
การปลูก
1) ระบายน้ำทะเลเข้าสู่ระบบแปลงพืชป่าชายเลน ให้มีลักษณะเป็นตามธรรมชาติของการขึ้น-ลงของน้ำทะเล
2) เมื่อน้ำลงทำการปลูกกล้าไม้ โดยให้มีระยะห่างระหว่างแถว 1.50 เมตร และระหว่างต้น 1.00 เมตร ดังภาพที่ 4
3) ในระยะแรกภายหลังการปลูกควรปักไม้เพื่อใช้ผูกยึดต้นกล้าไม้ที่ปลูกใหม่ ดังภาพที่ 5
4) ใช้น้ำทะเลที่ขึ้น-ลงตามธรรมชาติ สลับกับการใช้น้ำเสีย เพื่อให้ต้นไม้เจริญเติบโตแข็งแรงและปรับสภาพตนเองได้เพียงพอ นอกจากนี้จะต้องมีการปลูกซ่อมแซมต้นกล้าส่วนที่ตาย
การดำเนินการบำบัดน้ำเสีย
1) ระบายน้ำทะเลเข้าสู่แปลงพืชป่าชายเลนในช่วงที่น้ำขึ้นสูงสุดในรอบวัน เมื่อระดับการขึ้น-ลงของน้ำทะเลอยู่ในระดับทรงตัว (น้ำนิ่ง) ทำการปิดประตูระบายน้ำเพื่อขังน้ำทะเลไว้
2) ระบายน้ำเสียเข้าแปลงในปริมาณ 2,450 ลูกบาศก์เมตร
3) กักพักน้ำที่ผสมระหว่างน้ำทะเลและน้ำเสียไว้ เพื่อให้เกิดกระบวนการบำบัดตามหลักการดังกล่าวไว้ตอนต้น จนกระทั่งถึงเวลาที่น้ำทะเลเริ่มลงจึงทำการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดออก
4) อ่านค่าความสูงที่มาตรวัดระดับน้ำบริเวณหัวแปลง และท้ายแปลงของระบบแปลงพืชป่าชายเลน เพื่อคำนวณปริมาณน้ำทะเลที่เข้าสู่ระบบฯ ซึ่งสามารถคำนวณได้ดังนี้
ปริมาณน้ำทะเล = 0.5 x ความยาวแปลง x ความกว้างแปลง x (ระดับน้ำหัวแปลง+ระดับน้ำท้ายแปลง)
5) คำนวณปริมาณน้ำเสียที่ต้องระบายเข้าสู่ระบบแปลงพืชป่าชายเลน โดยตรวจสอบจากสัดส่วนระหว่างน้ำเสียและน้ำทะเลที่เหมาะสมในการบำบัดน้ำเสียตารางที่ 1 หากน้ำทะเลมีปริมาณ 9,750 ลูกบาศก์เมตร ค่าภาระ BOD ของน้ำเสียอยู่ระหว่าง 50-100 มิลลิกรัมต่อลิตร จากตารางจะต้องใช้สัดส่วนที่เหมาะสมของน้ำเสีย : น้ำทะเล เท่ากับ 20 : 80 ดังนั้นปริมาณน้ำเสียที่เหมาะสมในการบำบัดประมาณ 2,450 ลูกบาศก์เมตร ดังวิธีการต่อไปนี้
ปริมาณน้ำเสีย = (ปริมาณน้ำทะเล x สัดส่วน้ำเสีย)/สัดส่วนน้ำทะเล
= (9,750 x 20)/80
= 2,437 ลูกบาศก์เมตร
ตารางที่ 1 สัดส่วนน้ำเสียและน้ำทะเลที่เหมาะสมในการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบแปลงพืชป่าชายเลน
การบำรุงรักษา
ความเหมาะสมในการใช้เทคโนโลยี
ผลประโยชน์ที่ได้รับ
2) การฟื้นฟูสภาพป่าชายเลนให้กับสิ่งแวดล้อม
3) เป็นแหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์น้ำในธรรมชาติ
การประยุกต์ใช้
ข้อจำกัด
2) การลงทุนค่อนข้างสูง
3) ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการขึ้น-ลงของน้ำทะเลเป็นอย่างดี
ติดต่อคณะวิจัย
โครงการฯ วิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์ 0-2561-4754, 0-2942-8727 และ 0-2579-2116
โครงการฯ ตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โทรศัพท์ 0-3244-1264 และ 0-3244-1265
ได้ในเวลาราชการ