ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทรงพระผนวช"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
แถว 1: | แถว 1: | ||
<div id="bg_g5"> | <div id="bg_g5"> | ||
+ | |||
+ | [[ภาพ:051009-ศาสนาพุทธ-02.jpg|center|500px]] | ||
+ | |||
<center><h3>ทรงพระผนวช</h3></center> | <center><h3>ทรงพระผนวช</h3></center> | ||
<div class="kindent">พระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์นับแต่อดีตกาลล้วนแต่ทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนาทุกพระองค์ ส่วนใหญ่จะทรงพระผนวชก่อนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ยกเว้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระผนวชภายหลัง เนื่องจากเสด็จขึ้นครองราชย์ขณะพระชนมพรรษายังน้อย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็เช่นเดียวกัน เพื่อสืบทอดโบราณราชประเพณีเจริญรอยตามสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชและด้วยพระราชศรัทธาส่วนพระองค์ต่อพระบวรพุทธศาสนา จึงเสด็จออกทรงพระผนวชเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๙ ประกอบพระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์<sup>(๑)</sup> เป็นพระอุปัชฌาจารย์ แล้วเสด็จไปประทับเพื่อปฏิบัติสมณวัตร ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จนถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงทรงลาพระผนวช รวมเวลาในสมณเพศ ๑๕ วัน เสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต | <div class="kindent">พระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์นับแต่อดีตกาลล้วนแต่ทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนาทุกพระองค์ ส่วนใหญ่จะทรงพระผนวชก่อนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ยกเว้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระผนวชภายหลัง เนื่องจากเสด็จขึ้นครองราชย์ขณะพระชนมพรรษายังน้อย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็เช่นเดียวกัน เพื่อสืบทอดโบราณราชประเพณีเจริญรอยตามสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชและด้วยพระราชศรัทธาส่วนพระองค์ต่อพระบวรพุทธศาสนา จึงเสด็จออกทรงพระผนวชเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๙ ประกอบพระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์<sup>(๑)</sup> เป็นพระอุปัชฌาจารย์ แล้วเสด็จไปประทับเพื่อปฏิบัติสมณวัตร ณ พระตำหนักปั้นหย่า วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จนถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงทรงลาพระผนวช รวมเวลาในสมณเพศ ๑๕ วัน เสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต | ||
แถว 12: | แถว 15: | ||
</div> | </div> | ||
<center> | <center> | ||
− | <span style="display:block; width:90%; color:#00AEEF; text-align:left">“...โดยที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของเรา ทั้งตามความศรัทธาเชื่อมั่นของข้าพเจ้าเอง ก็เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง เนื่องในบรรดาสัจจธรรมคำสั่งสอนอันชอบด้วยเหตุผล จึ่งเคยคิดอยู่ว่าถ้าโอกาสอำนวยข้าพเจ้าควรจักได้บวชสักเวลาหนึ่งตามราชประเพณี ซึ่งจักเป็นทางสนองพระเดชพระคุณพระราชบูรพการีตามคตินิยมด้วย...”</span> | + | <span style="display:block; width:90%; color:#00AEEF; text-align:left">[[ภาพ:051009-ศาสนาพุทธ-01.jpg|left|200px]]“...โดยที่พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของเรา ทั้งตามความศรัทธาเชื่อมั่นของข้าพเจ้าเอง ก็เห็นเป็นศาสนาที่ดีศาสนาหนึ่ง เนื่องในบรรดาสัจจธรรมคำสั่งสอนอันชอบด้วยเหตุผล จึ่งเคยคิดอยู่ว่าถ้าโอกาสอำนวยข้าพเจ้าควรจักได้บวชสักเวลาหนึ่งตามราชประเพณี ซึ่งจักเป็นทางสนองพระเดชพระคุณพระราชบูรพการีตามคตินิยมด้วย...”</span> |
</center> | </center> | ||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:07, 5 ตุลาคม 2552
ทรงพระผนวช
ในการทรงพระผนวชดังกล่าวนั้น ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจในช่วงเวลา ๑๕ วันที่ยังดำรงสมณเพศอยู่และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นที่พอพระราชหฤทัย ดังนั้นเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ” นับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ หลังจากทรงประกอบพิธีเฉลิมพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ซึ่งปรับปรุงแล้วเสร็จ ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิตไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานเป็นที่ประทับถาวร
ทรงพระผนวชเพื่อเข้าถึงแก่นแท้แห่งธรรม
๑พระนามเดิม ม.ร.ว. ชื่น นพวงศ์ ณ กรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประกาศเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราชเจ้าให้เต็มพระเกียรติยศตามราชประเพณี เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมประกาศสถาปนาพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์” เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙