ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มูลนิธิอานันทมหิดล"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 4 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 3: | แถว 3: | ||
<h1>ทรงสร้างบุคลากรทางการแพทย์</h1> | <h1>ทรงสร้างบุคลากรทางการแพทย์</h1> | ||
− | <div class="kindent">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบว่าการขาดบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้กิจการสาธารณสุขของประเทศไทยยังไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ | + | <div class="kindent">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบว่าการขาดบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้กิจการสาธารณสุขของประเทศไทยยังไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงได้พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์และพระบรมราชูปถัมภ์ต่างๆ เพื่อผลิตบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น |
− | |||
พุทธศักราช ๒๔๙๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทุนอานันทมหิดลแก่บัณฑิตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อไปศึกษาวิชาการแพทย์ในระดับที่สูงขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณนี้ได้กลับมาบำเพ็ญประโยชน์ต่อวงการแพทย์และวงการอื่นๆ ของไทยเป็นอันมากสมดังพระราชประสงค์ | พุทธศักราช ๒๔๙๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทุนอานันทมหิดลแก่บัณฑิตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อไปศึกษาวิชาการแพทย์ในระดับที่สูงขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณนี้ได้กลับมาบำเพ็ญประโยชน์ต่อวงการแพทย์และวงการอื่นๆ ของไทยเป็นอันมากสมดังพระราชประสงค์ | ||
แถว 12: | แถว 11: | ||
นอกจากการสร้างบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขผ่านระบบการศึกษาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีพระราชดำริให้จัดฝึกอบรมความรู้ด้านสาธารณสุขมูลฐาน และการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ตัวแทนราษฎรในถิ่นที่อยู่ห่างไกลซึ่งขาดแคลนทั้งแพทย์และพยาบาล ผ่านโครงการหมอหมู่บ้าน ในพุทธศักราช ๒๕๒๔ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือดูแลชาวบ้านในท้องถิ่นของตนเองได้ โดยจัดอบรมขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้จบหลักสูตรการอบรมจะเดินทางกลับคืนสู่หมู่บ้านพร้อมด้วยกระเป๋ายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นเบื้องต้น เมื่อมีปัญหายาและเวชภัณฑ์หมดหรือต้องส่งต่อผู้ป่วยไปเข้ารับการรักษา ก็สามารถติดต่อกับแพทย์ประจำจังหวัดหรือหน่วยแพทย์หลวงตามหลักการที่ได้อบรมไว้ | นอกจากการสร้างบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขผ่านระบบการศึกษาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีพระราชดำริให้จัดฝึกอบรมความรู้ด้านสาธารณสุขมูลฐาน และการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ตัวแทนราษฎรในถิ่นที่อยู่ห่างไกลซึ่งขาดแคลนทั้งแพทย์และพยาบาล ผ่านโครงการหมอหมู่บ้าน ในพุทธศักราช ๒๕๒๔ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือดูแลชาวบ้านในท้องถิ่นของตนเองได้ โดยจัดอบรมขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้จบหลักสูตรการอบรมจะเดินทางกลับคืนสู่หมู่บ้านพร้อมด้วยกระเป๋ายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นเบื้องต้น เมื่อมีปัญหายาและเวชภัณฑ์หมดหรือต้องส่งต่อผู้ป่วยไปเข้ารับการรักษา ก็สามารถติดต่อกับแพทย์ประจำจังหวัดหรือหน่วยแพทย์หลวงตามหลักการที่ได้อบรมไว้ | ||
</div> | </div> | ||
− | + | <center> | |
− | <div style="display:table; border: thin solid; | + | <div style="display:table; width:90%; border: thin solid red"> |
− | ความรู้ที่จำเป็นสำหรับหมอหมู่บ้าน ได้แก่ การรักษาพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือทำคลอดและทำคลอดตามปกติ การช่วยผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ ความรู้ทางโภชนาการพื้นฐาน การใช้อาหารเสริมที่มีในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่พบในท้องถิ่นนั้นๆ การจ่ายยาสามัญประจำบ้านเพื่อรักษาโรคง่ายๆ | + | <div style="display:table; width:95%; margin-left:3%"> |
− | + | ความรู้ที่จำเป็นสำหรับหมอหมู่บ้าน ได้แก่ การรักษาพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือทำคลอดและทำคลอดตามปกติ การช่วยผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ ความรู้ทางโภชนาการพื้นฐาน การใช้อาหารเสริมที่มีในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่พบในท้องถิ่นนั้นๆ การจ่ายยาสามัญประจำบ้านเพื่อรักษาโรคง่ายๆ การจัดการรับและส่งต่อผู้ป่วยในหมู่บ้านที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการสาธารณสุขมูลฐานหรือการดำรงชีวิตและรักษาตนให้ปราศจากโรค | |
</div> | </div> | ||
+ | </div></center> | ||
− | <div class="kindent"> | + | <div class="kindent">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบว่าราษฎรของพระองค์ขาดแคลนปัจจัยด้านสุขอนามัยตั้งแต่ระดับพื้นฐาน อันเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประชาชนและประเทศชาติ จึงทรงให้ความสำคัญกับการผลิตแพทย์และนักสาธารณสุขศาสตร์ ด้วยการก่อตั้งทุนอานันทมหิดลในพุทธศักราช ๒๔๙๘ ด้วยทุนพระราชทานเริ่มแรกจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาทเพื่อเป็นการรำลึกถึงสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้พระราชทานทุนอานันทมหิดลแก่บัณฑิตสาขาแพทยศาสตร์ที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม ให้ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาหาความรู้ขั้นสูงเพิ่มเติมในต่างประเทศ ต่อมาได้มีการจดทะเบียนเป็น<span style="color:darkblue">'''มูลนิธิอานันทมหิดล'''</span> เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๒ และมีการขยายสาขาวิชาที่พระราชทานทุนเพิ่มออกไปเป็นสาขาวิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ อักษรศาสตร์ นิติศาสตร์ และโบราณคดี นับได้ว่าเป็นพระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการส่งเสริมการศึกษาขั้นสูง สามารถผลิตทรัพยากรบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ ให้กลับมาพัฒนาประเทศต่อไป โดยเงินทุนของมูลนิธิอานันทมหิดลที่พระราชทานเพื่อสนับสนุนการศึกษา วิจัย ฝึกอบรม นับตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๒ - ๒๕๔๘ เป็นจำนวน ๖๗๕,๙๕๕,๖๖๐.๑๘ บาท และมีผู้รับพระราชทานทุนที่สำเร็จการศึกษาจนถึงพุทธศักราช ๒๕๔๙ จำนวน ๒๕๙ คน |
− | + | ปัจจุบันมูลนิธิอานันทมหิดลได้ขยายการให้การสนับสนุนการศึกษาในระดับสูงครอบคลุม ๘ สาขาวิชา ในจำนวนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข ๒ สาขา คือ แผนกแพทยศาสตร์ และแผนกทันตแพทยศาสตร์ | |
</div> | </div> | ||
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 11:15, 2 ตุลาคม 2552
ทรงสร้างบุคลากรทางการแพทย์
พุทธศักราช ๒๔๙๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานทุนอานันทมหิดลแก่บัณฑิตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อไปศึกษาวิชาการแพทย์ในระดับที่สูงขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณนี้ได้กลับมาบำเพ็ญประโยชน์ต่อวงการแพทย์และวงการอื่นๆ ของไทยเป็นอันมากสมดังพระราชประสงค์
นอกจากนี้ ยังทรงส่งเสริมด้านการศึกษาวิชาการแพทย์ในมหาวิทยาลัย โดยทรงให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในพุทธศักราช ๒๕๐๑ เพื่อผลิตแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ จนทำให้เกิดการจัดตั้งคณะแพทย์ขึ้นในมหาวิทยาลัยต่างๆ ตามมาอีกหลายสถาบันด้วยกัน
นอกจากการสร้างบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขผ่านระบบการศึกษาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมีพระราชดำริให้จัดฝึกอบรมความรู้ด้านสาธารณสุขมูลฐาน และการรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ตัวแทนราษฎรในถิ่นที่อยู่ห่างไกลซึ่งขาดแคลนทั้งแพทย์และพยาบาล ผ่านโครงการหมอหมู่บ้าน ในพุทธศักราช ๒๕๒๔ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือดูแลชาวบ้านในท้องถิ่นของตนเองได้ โดยจัดอบรมขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้จบหลักสูตรการอบรมจะเดินทางกลับคืนสู่หมู่บ้านพร้อมด้วยกระเป๋ายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นเบื้องต้น เมื่อมีปัญหายาและเวชภัณฑ์หมดหรือต้องส่งต่อผู้ป่วยไปเข้ารับการรักษา ก็สามารถติดต่อกับแพทย์ประจำจังหวัดหรือหน่วยแพทย์หลวงตามหลักการที่ได้อบรมไว้
ความรู้ที่จำเป็นสำหรับหมอหมู่บ้าน ได้แก่ การรักษาพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือทำคลอดและทำคลอดตามปกติ การช่วยผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ ความรู้ทางโภชนาการพื้นฐาน การใช้อาหารเสริมที่มีในท้องถิ่นให้เป็นประโยชน์การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่พบในท้องถิ่นนั้นๆ การจ่ายยาสามัญประจำบ้านเพื่อรักษาโรคง่ายๆ การจัดการรับและส่งต่อผู้ป่วยในหมู่บ้านที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการสาธารณสุขมูลฐานหรือการดำรงชีวิตและรักษาตนให้ปราศจากโรค
ปัจจุบันมูลนิธิอานันทมหิดลได้ขยายการให้การสนับสนุนการศึกษาในระดับสูงครอบคลุม ๘ สาขาวิชา ในจำนวนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข ๒ สาขา คือ แผนกแพทยศาสตร์ และแผนกทันตแพทยศาสตร์
ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบทุนโดยเสด็จพระราชกุศลได้เป็นรายบุคคลหรือเป็นคณะ โดยเสด็จพระราชกุศล สมทบทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ได้ที่
โทรศัพท์ 222-0859, 224-3288 โทรสาร 226-2909, 224-9858
รายละเอียดเกี่ยวกับการพระราชทานทุน และการดำเนินงานของมูลนิธิฯ สอบถามได้ที่
สำนักงานประสานงานของมูลนิธิอานันทมหิดล ตั้งอยู่ที่ สำนักงานเลขาธิการองคมนตรี ศาลาลูกขุนใน พระบรมมหาราชวัง
โทรศัพท์ 623-5833-4 โทรสาร 623-5835
ดูเพิ่มเติม | มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล - http://www.princemahidolaward.org/about.th.php |
---|