ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สังคมสงเคราะห์"
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
Haiiwiki (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 14 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 1: | แถว 1: | ||
− | <center> | + | <div id="bg_g3t"> </div> |
− | </center> | + | <div id="bg_g3"> |
+ | <center><h1>พระราชกรณียกิจด้านสังคมสงเคราะห์</h1></center> | ||
− | + | [[ภาพ:สังคมสงเคราะห์.jpg|ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินท้องถิ่นธุรกันดาร|center]] | |
− | |||
− | [[ภาพ: | ||
− | ในเหตุการณ์ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือทันที โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถานีวิทยุ อ.ส พระราชวังดุสิตประกาศให้ประชาชนทราบข่าว และเชิญชวนบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม ปรากฏว่ามีผู้ร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ประมาณ ๑๑ ล้านบาท พระองค์ได้พระราชทานเงินทั้งหมดให้กรมประชาสงเคราะห์ นำไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป ปรากฏว่าหลังการให้ความช่วยเหลือ ยังคงมีเงินเหลืออยู่อีกประมาณ ๓ ล้านบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หมายถึง มูลนิธิที่พระมหากษัตริย์และประชาชนร่วมกันจัดตั้งขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยโดยฉับพลันทั่วประเทศ ในลักษณะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าเกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต | + | ===พุทธศักราช ๒๕๐๕ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์=== |
+ | <div style="display:table"> | ||
+ | [[ภาพ:ตะลุมพุก.jpg|เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสิ่งของ ที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัย <br>ณ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช|frame|left]]<div class="kindent">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ปรสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์วาตภัยและอุทกภัยขึ้นที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราชทำให้ต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก | ||
+ | <div class="kindent">ในเหตุการณ์ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือทันที โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถานีวิทยุ อ.ส พระราชวังดุสิตประกาศให้ประชาชนทราบข่าว และเชิญชวนบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม ปรากฏว่ามีผู้ร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ประมาณ ๑๑ ล้านบาท พระองค์ได้พระราชทานเงินทั้งหมดให้กรมประชาสงเคราะห์ นำไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป ปรากฏว่าหลังการให้ความช่วยเหลือ ยังคงมีเงินเหลืออยู่อีกประมาณ ๓ ล้านบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หมายถึง มูลนิธิที่พระมหากษัตริย์และประชาชนร่วมกันจัดตั้งขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยโดยฉับพลันทั่วประเทศ ในลักษณะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าเกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต</div> | ||
+ | <div class="kindent">๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๖ เริ่มกิจการ "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์" เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนจากเหตุสาธารณภัยต่างๆ อย่างทันท่วงที ตลอดจนสงเคราะห์เรื่องทุนการศึกษา อุปกรณ์การศึกษา และโรงเรียน</div> | ||
+ | [[ภาพ:สังคมสงเคราะห์2.jpg|frame|400px|พุทธศักราช ๒๕๐๖ ทรงจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และพระราชทานสิ่งของแก่ผู้ประสบภัย]] | ||
</div> | </div> | ||
+ | <div class="kindent" style="clear:both"><span style="color:darkgreen">"ให้ไปให้ความอบอุ่น ไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยฉับพลัน ทำให้ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือ มีกำลังใจที่จะปฏิบัติงานต่อไป"</span></div> | ||
+ | <div class="kindent"><span style="color:darkgreen"> | ||
+ | "การช่วยผู้ที่ประสบภัยนั้นจะต้องช่วยในระยะสั้น หมายความว่า เป็นเวลาที่ฉุกเฉินต้องช่วยโดยเร็ว และต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเนื่อง...ส่วนเรื่องการช่วยเหลือระยะยาวก็มีความจำเป็นเหมือนกัน...เป็นผลว่าเขาได้รับการดูแล เหลียวแลมาจนกระทั่งได้รับการศึกษาที่สามารถทำมาหากินได้โดยสุจริต โดยมีประสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ..." </span>พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา</div> | ||
+ | </div> | ||
<div style="display:table"> | <div style="display:table"> | ||
− | [[ภาพ:โรงเรียนราชประชานุเคราะห์.jpg|frame|center|พระราชทานพระราชดำรัสให้จัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และเสด็จฯ ไปพระราชทานสิ่งของแก่เด็กนักเรียน]]ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้สร้างโรงเรียนประชาบาล ที่ถูกพายุแฮเรียตพัดพัง รวม ๑๒ โรงเรียนใน ๒ จังหวัดภาคใต้ และพระราชทานชื่อว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ถึง ๑๒ ตามลำดับ" และได้พระราชทานโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ให้แก่ผู้ประสบภัยอีกหลายแห่งในระยะต่อมา รวมจำนวน ๓๙ แห่ง | + | [[ภาพ:โรงเรียนราชประชานุเคราะห์.jpg|frame|center|พระราชทานพระราชดำรัสให้จัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์และเสด็จฯ ไปพระราชทานสิ่งของแก่เด็กนักเรียน]]<div class="kindent">ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้สร้างโรงเรียนประชาบาล ที่ถูกพายุแฮเรียตพัดพัง รวม ๑๒ โรงเรียนใน ๒ จังหวัดภาคใต้ และพระราชทานชื่อว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ถึง ๑๒ ตามลำดับ" และได้พระราชทานโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ให้แก่ผู้ประสบภัยอีกหลายแห่งในระยะต่อมา รวมจำนวน ๓๙ แห่ง</div> |
− | <span style="color: | + | <span style="color:darkgreen">"... ผู้ที่ประสบภัยโดยเฉพาะเด็กๆ ได้สูญเสียทั้งโรงเรียน ทั้งผู้อุปการะฉะนั้นได้ตั้งนโยบายที่จะช่วยเหลือเด็ก ที่เป็นกำพร้าจากภัยธรรมชาติเหล่านั้น เลยตั้งโรงเรียนและได้อุปการะเด็กให้มีที่เรียน และมีผู้ปกครองคือมูลนิธิ ให้สามารถที่จะเรียนตั้งแต่ชั้นเล็กๆ จนกระทั่งจบโรงเรียนมัธยม มีบางรายก็ได้สนับสนุนจะกระทั่งถึงขั้นอุดมศึกษาและเลยไปก็ได้..."</span> พระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา |
</div> | </div> | ||
+ | ===พุทธศักราช ๒๕๐๖ มูลนิธิราชประชาสมาสัย=== | ||
+ | |||
+ | [[ภาพ:โรงเรียนราชประชาสมาสัย.jpg|right|frame|เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการเรียนการสอนของ โรงเรียนที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นสำหรับสอนบุตรหลาน ของผู้ป่วยโรคเรื้อน]]<div class="kindent">หลังจากก่อสร้างสถาบัน "ราชประชาสมาสัย" เมื่อปี ๒๕๐๓ เพื่อเป็นสถานฝึกอบรมและค้นคว้าเกี่ยวกับโรคเรื้อน ได้พระราชทานเงินที่เหลือเป็นกองทุนก่อตั้ง "มูลนิธิราชประชาสมาสัย" เพื่อช่วเหลือกิจการด้านค้นคว้าป้องกันรักษาและสงเคราะห์ผู้ป่วยโรคเรื้อน</div> | ||
− | + | <div class="kindent">[[การแพทย์|"ราชประชาสมาสัย"]] หมายถึง พระมหากษัตริย์และประชาชนย่อมพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน</div> | |
− | |||
− | < | + | <div class="kindent">ต่อมาในปี ๒๕๐๖ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดสร้างโรงเรียนสำหรับบุตรผู่ป่วยโรคเรื้อน ที่เลี้ยงแยกกับบิดามารดาแต่แรกเกิดและไม่มีโรคเรื้อน แต่พระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อบังคับมิให้โรงเรียนใดรับเป็นนักเรียน ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรม จึงได้จัดสร้างโรงเรียนให้แก่เด็กผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้น และพระราชทานชื่อโรงเรียนว่า<span style="color:#4C5714">"โรงเรียนราชประชาสมาสัย"</span></div> |
− | <div class="kindent" | + | <div class="kindent" style="clear:both"> |
− | + | <span style="color:darkgreen">"...การทำงานสำคัญ ๆ จำเป็นจะต้องอาศัยความตั้งใจจริง และความเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมอไม่ย่อท้อ ยิ่งเป็นงานอบรมสั่งสอนเด็กที่ต้องกระทำต่อเนื่องกันอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งจำเป็นที่ท่านจะต้องรักษาความตั้งใจ ความอุตสาหะ ความเพียรไว้ให้มั่นคงที่สุด จึงจะสามารถก้าวไปถึงจุดหมายโดยสมบูรณ์บริบูรณ์ได้..."</span> พระราชดำรัสคราวเสด็จฯ ไปทรงเปิดอาคารเรียน อาคาร ๑๐ ปี ในปี พ.ศ.๒๕๑๔</div> | |
− | <span style="color: | ||
---- | ---- | ||
{{แม่แบบ:สำนักงาน กปร.2}} | {{แม่แบบ:สำนักงาน กปร.2}} | ||
+ | </div> | ||
− | + | [[หมวดหมู่:ทุน-มูลนิธิ-การศึกษา]] | |
− | [[หมวดหมู่: |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 16:31, 7 พฤศจิกายน 2551
พระราชกรณียกิจด้านสังคมสงเคราะห์
พุทธศักราช ๒๕๐๕ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕ เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ปรสบความเดือดร้อนจากเหตุการณ์วาตภัยและอุทกภัยขึ้นที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราชทำให้ต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก
ในเหตุการณ์ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้นำในการให้ความช่วยเหลือทันที โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถานีวิทยุ อ.ส พระราชวังดุสิตประกาศให้ประชาชนทราบข่าว และเชิญชวนบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม ปรากฏว่ามีผู้ร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ประมาณ ๑๑ ล้านบาท พระองค์ได้พระราชทานเงินทั้งหมดให้กรมประชาสงเคราะห์ นำไปดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป ปรากฏว่าหลังการให้ความช่วยเหลือ ยังคงมีเงินเหลืออยู่อีกประมาณ ๓ ล้านบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปจัดตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ หมายถึง มูลนิธิที่พระมหากษัตริย์และประชาชนร่วมกันจัดตั้งขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยโดยฉับพลันทั่วประเทศ ในลักษณะการช่วยเหลือเฉพาะหน้าเกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต
๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๖ เริ่มกิจการ "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์" เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนจากเหตุสาธารณภัยต่างๆ อย่างทันท่วงที ตลอดจนสงเคราะห์เรื่องทุนการศึกษา อุปกรณ์การศึกษา และโรงเรียน
"ให้ไปให้ความอบอุ่น ไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยฉับพลัน ทำให้ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลือ มีกำลังใจที่จะปฏิบัติงานต่อไป"
"การช่วยผู้ที่ประสบภัยนั้นจะต้องช่วยในระยะสั้น หมายความว่า เป็นเวลาที่ฉุกเฉินต้องช่วยโดยเร็ว และต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเนื่อง...ส่วนเรื่องการช่วยเหลือระยะยาวก็มีความจำเป็นเหมือนกัน...เป็นผลว่าเขาได้รับการดูแล เหลียวแลมาจนกระทั่งได้รับการศึกษาที่สามารถทำมาหากินได้โดยสุจริต โดยมีประสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ..." พระราชดำรัส เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๓๙ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้สร้างโรงเรียนประชาบาล ที่ถูกพายุแฮเรียตพัดพัง รวม ๑๒ โรงเรียนใน ๒ จังหวัดภาคใต้ และพระราชทานชื่อว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ถึง ๑๒ ตามลำดับ" และได้พระราชทานโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ให้แก่ผู้ประสบภัยอีกหลายแห่งในระยะต่อมา รวมจำนวน ๓๙ แห่ง
"... ผู้ที่ประสบภัยโดยเฉพาะเด็กๆ ได้สูญเสียทั้งโรงเรียน ทั้งผู้อุปการะฉะนั้นได้ตั้งนโยบายที่จะช่วยเหลือเด็ก ที่เป็นกำพร้าจากภัยธรรมชาติเหล่านั้น เลยตั้งโรงเรียนและได้อุปการะเด็กให้มีที่เรียน และมีผู้ปกครองคือมูลนิธิ ให้สามารถที่จะเรียนตั้งแต่ชั้นเล็กๆ จนกระทั่งจบโรงเรียนมัธยม มีบางรายก็ได้สนับสนุนจะกระทั่งถึงขั้นอุดมศึกษาและเลยไปก็ได้..." พระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
พุทธศักราช ๒๕๐๖ มูลนิธิราชประชาสมาสัย
หลังจากก่อสร้างสถาบัน "ราชประชาสมาสัย" เมื่อปี ๒๕๐๓ เพื่อเป็นสถานฝึกอบรมและค้นคว้าเกี่ยวกับโรคเรื้อน ได้พระราชทานเงินที่เหลือเป็นกองทุนก่อตั้ง "มูลนิธิราชประชาสมาสัย" เพื่อช่วเหลือกิจการด้านค้นคว้าป้องกันรักษาและสงเคราะห์ผู้ป่วยโรคเรื้อน
"ราชประชาสมาสัย" หมายถึง พระมหากษัตริย์และประชาชนย่อมพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ต่อมาในปี ๒๕๐๖ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จัดสร้างโรงเรียนสำหรับบุตรผู่ป่วยโรคเรื้อน ที่เลี้ยงแยกกับบิดามารดาแต่แรกเกิดและไม่มีโรคเรื้อน แต่พระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อบังคับมิให้โรงเรียนใดรับเป็นนักเรียน ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรม จึงได้จัดสร้างโรงเรียนให้แก่เด็กผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้น และพระราชทานชื่อโรงเรียนว่า"โรงเรียนราชประชาสมาสัย"
"...การทำงานสำคัญ ๆ จำเป็นจะต้องอาศัยความตั้งใจจริง และความเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมอไม่ย่อท้อ ยิ่งเป็นงานอบรมสั่งสอนเด็กที่ต้องกระทำต่อเนื่องกันอย่างไม่ขาดสาย ยิ่งจำเป็นที่ท่านจะต้องรักษาความตั้งใจ ความอุตสาหะ ความเพียรไว้ให้มั่นคงที่สุด จึงจะสามารถก้าวไปถึงจุดหมายโดยสมบูรณ์บริบูรณ์ได้..." พระราชดำรัสคราวเสด็จฯ ไปทรงเปิดอาคารเรียน อาคาร ๑๐ ปี ในปี พ.ศ.๒๕๑๔
ข้อมูลจาก หนังสือ ๘๐ พรรษา ปวงประชาสุขศานต์ จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ